หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เขาวงพระจันทร์


(คลิกบนภาพเพื่อดูภาพขยายใหญ่ขึ้น)

...วันนี้ชวนไปไหว้รอยพระพุทธบาทที่อยู่บนยอดเขา..ระยะทางตามทางขึ้นประมาณ ๑,๖๘๐ เมตร มีบันไดขึ้นสู่ยอดเขาตามบันทึก ๓,๗๙๙ ขั้น เขาวงพระจันทร์ว่ากันว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดลพบุรี มีความสูง ๖๕๐ เมตร จากระดับน้ำทะเล ชื่อเขาวงพระจันทร์ มาจากตำนานเรื่องรามเกียรติ์ ท้าวกกขนากมีลูกสาวชื่อนางนงประจันทร์ แต่ก่อนชาวบ้านเรียกเขานางพระจันทร์ บนยอดเขามีวัดเขาวงพระจันทร์ ประดิษฐานรอยพระพุทธบนจุดที่สูงที่สุดของยอดเขา...


     ช่วงนี้ทางวัดมีงานประจำปีไหว้รอยพระพุทธบาท จะเห็นแสงไฟทางเดินขึ้นสู่ยอดเขามีผู้คนเดินทางขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาทกันทั้งคืน...
          ไปไหว้รอยพระพุทธบาทอย่าลืมไปยกช้างเสี่ยงทาย ที่ผานางฟ้า ด้วยนะครับ


      เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราเริ่มเดินทางขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาทกันก่อน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ ๓ ชั่วโมง ตามประสาคนสูงวัยนะครับ...



ทางขึ้นช่วงแรกจะเป็นทางลาดขึ้นไป


ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าที่เจ้าทางให้เดินขึ้น - ลง ได้ปลอดภัย


ศาลนางจันทร์ จุดนี้ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเดินขึ้นไปตามบันได 





จุดหมายปลายทางคือยอดเขา นับบันไดขึ้นไปเรื่อย ๆ 
จนถึงขั้นที่  ๓,๗๙๐  ครับ..


จุดพักกลางทางจุดที่ ๑๔ บริการเครื่องดื่ม ถุงมือ...
จุดพักแบบนี้จะมีไปตลอดทางอีก ๑๓ จุด จนถึงยอดเขา..

จุดพักนี้มีทั้งแบบเป็นเพิงชั่วคราว และแบบศาลาคอนกรีต 
ส่วนใหญ่จะมีพระพุทธรูปประจำที่ศาลาด้วย

จุดพักที่ ๑๑ และ  ๑๒ "ศาลาหลวงพ่อเดิม"
จากจุดจะต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกประมาณ ๒,๙๐๐ ขั้นครับ


ช่วงที่เราเดินขึ้นไป ก็จะมีผู้ที่เดินลงมาสวนทางกันเป็นระยะ ๆ..


ขาขึ้นค่อนข้างจะหนักหน่อย ...แต่ขาลงสบายครับ...


จากจุดนี้เหลืออีกประมาณ ๒,๖๐๐ ขั้น ขอนั่งพักเก็บภาพหน่อย...


มีเครื่องดื่มขนมบริการตลอดเส้นทาง ..
..จากศาลานี้ไปอีกประมาณ ๒,๓๐๐  ขั้น...


จุดพักนี้ค่อนข้างพิเศษคือมีเสื้อโลโก้"พิชิตเขาวงพระจันทร์ด้วย" เป็นร้านเดียวที่ขายเสื้อยืด ราคาประมาณร้อยกว่าบาท ครับ..
..ยังครับ...ยังเหลืออีกประมาณ ๒,๑๐๐ ขั้น..


จุดนี้เป็นศาลาคอนกรีตถาวร..ก็ยังมีเครื่องดื่มบริการเช่นเคย...
..เหลืออีกประมาณ ๑,๗๐๐ ขั้น


ถึงศาลานี้ค่อนข้างจะมั่นใจขึ้นเพราะ บอกว่า เหลืออีก ๕ ศาลาพัก
..ก็เหลือราว ๆ ๑,๔๐๐ ขั้น
...จุดนี้เป็นจุดพักที่มีบริการสินค้าครับ...


บรรยายกาศบนเส้นทางขึ้น - ลง 


สำหรับท่านที่ไม่สามารถเดินขึ้นได้ก็มีบริการนั่ง "เสลี่ยง" ขึ้นไป
สำหรับเทคนิคการเดินลง ก็มีทั้งหันหน้าลง หรือหันหลังลง ตามถนัด..ครับ


จากศาลานี้ไปยังคงเหลืออีกประมาณ ๑,๒๐๐ ขั้น 



จากศาลาพักหลังนี้ยังคงเหลืออีก  ประมาณ ๑๐๐๐ ขั้น 
แวะนั่งพักสักการะพระพุทธรูปก่อนครับ


จากศาลาอธิษฐาน นี้ไปยังคงเหลืออีก ๒ ศาลาที่พัก ..
.เหลืออีกประมาณ ๘๐๐ ขั้น


ช่วงนี้บันไดค่อนข้างจะชัน ต้องระมัดระวังในการเดินขึ้น - ลง


ศาลาพักที่ ๒ ก่อนจะถึงยอดเขา ศาลานี้ไม่มีบริการสินค้า
 เหลืออีกประมาณ ๕๐๐ ขั้น


ไม่ห่างจากศาลาพักที่ ๒ มากนัก แวะสักการะหลวงพ่อเกตุ..

ศาลาพักหลังที่ ๑ ก่อนถึงยอดเขา ศาลาสมปรารถนา..มีผู้หวังดีเขียนบอกว่า
" จะถึงแล้ว.."
ก็อีกราว  ๓๐๐ ขั้นครับ


ถึงแล้วครับ...จากนั้นก็ไปไหว้พระพุทธบาท ซึ่งอยู่บนจุดสูงที่สุดของยอดเขาแห่งนี้



บริเวณยอดเขาจะมีศาลาใหญ่ประดิษฐานพระพุทธรูปต่าง ๆ



บนยอดเขานี้จะเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ชาวจีนศรัทธาเชื่อถือมาก 
สังเกตุจากภาษาจีนซึ่งมีอยู่ทั่วไป




ยังมีสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ กันไม่ควรพลาดคือ ผานางฟ้า ครับ


อย่าลืม ยกช้างเสี่ยงทายนะครับ

เราใช้เวลาเดินขึ้นมาประมาณ ๒ ชั่วโมง หลังจากสักการะรอยพระพุทธบาท ไหว้พระ
และชมสถานที่ต่างบนยอดเขา ก็ถึงเวลาอาหารเที่ยงพอดี
ข้างบนนี้มีโรงทานครับ 




คุณป้าผู้ให้บริการที่โรงเจบอกว่า เมื่อคืนนี้คนขึ้นมาเยอะมาก..
..โรงเจเปิดทั้งคืนเลย


อาหารที่นำมาใช้ที่โรงทานนี้ต้องจ้างลูกหาบขึ้นมาทั้งสิ้น..
..บริจาคตามศรัทธาครับ..


เราใช้เวลาบนยอดเขาประมาณ ๑ ชั่วโมงครึ่ง จึงได้ลงมา
ใช้เวลาขาลงประมาณ ๑ ชั่วโมงเร็วกว่าที่เราคิดไว้


บริเวณวัดเขาวงพระจันทร์ด้านล่างยังมีสิ่งที่น่าเข้าไปสักการะอีกหลายที่ครับ...

ขอเวลาเดินลงเขาก่อนครับ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชม

ข้อแนะนำ สวมรองเท้าผ้าใบเวลาขึ้น-ลง เขาน่าจะทำให้การเดินสะดวกขึ้น ครับ...

เขาคิชกูฏ  อินเดีเย   เ(คลิก)

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เลาะริมชล ยลของเก่า(๖)



     
      หลังจากเราชมอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า ไปไหว้พระที่วัดอนงคารามและวัดพิชัยญาติ ซึ่งไม่ไกลกันเท่าไหร่ แล้วเราก็เดินย้อนกลับมาริมน้ำอีกครั้งตามที่เราตั้งใจไว้ว่าจะเดินเลาะเลียบริมฝั่งเจ้าพระยาไปจนถึงท่าเรือคลองสาน ซึ่งยังมีสถานที่เก่าควรแก่การเยี่ยมชมหลายแห่ง เช่น มัสยิดเซฟี ศาลเจ้าซำไนเก็ง วัดทองธรรมชาติ สมาคมเต็กก่า บ้านหวั่งหลี วัดทองนพคุณ ป้อมป้องปัจจามิตร ทุกแห่งน่าจะมีอายุหนึ่งร้อยปีขึ้นไปทั้งนั้น.....

 บริเวณย่านหลังวัดอนงคาราม จนมาถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นท่าเรือและคลังสินค้าที่สำคัญในอดีต ยังคงอาคารเก่าๆให้เราเห็นร่องรอย...
...ทางเดินช่วงนี้สวยงามครับ...
...เส้นสีขาวบนทางเดิน หมายถึงเส้นทางของจักรยานท่องเที่ยวครับ..
แวะสักการะศาลเจ้าแม่ทับทิม ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ที่จอดจักรยาน..
....จากศาลเจ้าแม่ทับทิม ไม่ไกลนักก็จะถึงมัสยิดเซฟี หรือ สุเหร่าตึกขาว..
...เป็นของมุสลิมนิกายชีอะห์ ความเป็นมานั้นคือชาวอินเดียเชื้อสายดาวูดี โบราห์จากเมืองสุหรัตประเทศอินเดียที่เข้ามาติดต่อซื้อขายสินค้าตั้งแต่ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์  มัสยิดนี้จะอยู่ใกล้กับคลังสินค้าตึกสีขาว...
.......

...ชาวมุสลิมของสุเหร่าตึกขาวนี้ยังคงแต่งกายเหมือนกับในอดีต..
...ทางเข้าค่อนข้างจะหายากหากไม่ถามคนแถวนั้น คงจะหาไม่เจอครับ..
ทางเดินริมน้ำจากตึกขาวไปจนถึงท่าดินแดง น่าจะเป็นที่ของเอกชน น่าจะยังไม่เป็นทางสาธารณะแต่ว่าสามารถเดินผ่านไปออกที่ท่าดินแดงได้


จากท่าเรือข้ามฟากท่าดินแดงเดินตามถนนขึ้นไปก็จะเจอศ่าลเจ้าซำไนเก็งเป็นศาลเจ้าของชาวจีนแคระ สร้างสมัยปลายรัชกาลที่ ๓ ภายในประดิษฐานสามเทพธิดา
.....

...เราเข้าไปสักการะเทพธิดาทั้งสาม พร้อมทั้งเติมน้ำมันตะเกียงเพื่อความสว่างไสวของชีวิตในช่วงขึ้นปีใหม่...
..ไม่ห่างจากศาลเจ้าซำไนเก็ง  ซอยท่าดินแดง ๑๖ คือทางลัดที่สามารถเดินไปวัดทองธรรมชาติ ได้.....
...วัดทองธรรมชาติเป็นวัดโบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเดิมเป็นวัดราษฏร์ชื่อวัดทองบน พระขนิษฐานของรัชกาลที่ ๑ ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ ต่อมาในรัชกาลที่ ๓ ทรงบูรณะใหม่ทั้งหมดแต่รูปทรงยังคงเดิมซึ่งจะไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักพระอุโบสถที่มีชายคาด้านหน้าและด้านหลัง และทรงรับเป็นพระอารามหลวง...
..เราเข้าไปสักการะหลวงพ่อสิบทัศน์ ในพระวิหาร เสียดายที่ไม่ได้เข้าไปสักการะพระประธานในพระอุโบสถ....
...เราลัดเลาะตามเส้นทางจักรยาน..จากวัดทองธรรมชาติ ไปยัง จีจินเกาะ
สมาคมเผยแผ่ "เต็กก่า" จีจินเกาะ มองจากแม่น้ำเจ้าพระยา..
.....

จีจินเกาะ เป็นวัดจีนที่ใช้ประกอบพิธีกรรม ปฏิบัติธรรม และปฏิบัติธรรม ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๕  มีพระมหาเจดีย์พระจอมธาตรีไทยจีนเฉลิมพระเกียรติ สูง ๘ ชั้น แต่ละชั้นประดิษฐานเทพเจ้าต่าง ๆ ...
ภายในบริเวณจีจินเกาะมีอาคารเก่าที่อนุรักษ์ไว้สวยงามมาก
......

ติดกับจีจินเกาะ เป็นอาคารอนุรักษ์ "บ้านหวั่งหลี"..เราไม่ได้เข้าไปชม ทราบว่าต้องติดต่อขอเข้าชมล่วงหน้า...
บ้านหวั่งหลี ถ่ายจากชั้น ๘ ของพระมหาเจดีย์ภายใน จีจินเกาะ..
..วัดทองนพคุณ อยู่ใกล้ๆ กับจีจินเกาะ..
...เดิมชื่อวัดทองล่าง คาดว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ต่อมาพระยาโชฎึกราชเศรษฐี(ทองจีน) บูรณะซ่อมแซมแล้วถวายให้รัชกาลที่ ๓ วัดนี้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากร..
..ต้นโพธิ์บนเรือสำเภาจีน ที่วัดทองนพคุณ..
จุดหมายสุดท้ายคือ ป้อมป้องปัจจามิตร และหอสัญญาณ ซึ่งอยู่ใกล้กับปากคลองสาน 
 ป้อมป้องปัจจามิตร รัชกาลที่ ๔ ทรงโปรดให้สร้างเพื่อป้องกันข้าศึกตามริมน้ำเจ้าพระยา  ต่อมาในรัชกาลที่ ๕ ได้ใช้ป้อมเป็นสถานที่ตั้งเสาธงสัญญาณ
.....

....เสาธงสัญญาณถ่ายจากป้อมปัองปัจจามิตร....
เราแวะที่ตลาดตรงท่าเรือข้ามฟากปากคลองสาน  ไหว้พระสมเด็จโต..ก่อนข้ามฟากไปฝั่งกรุงเทพ...
....

...บนเรือข้ามฟากจากคลองสานไปท่าสี่พระยา ฝั่งกรุงเทพ..
... ริเวอร์ ซิตี้ กรุงเทพ..
....

ขอบคุณทุกท่านครับ....
เลาะริมชลยลของเก่า (๕) (คลิก)