หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ผู้ประเสริฐที่สุดในหมู่มนุษย์และเทวดา


 ครั้งหนึ่ง การณปาลีพราหมณ์ถามสหายชาวพุทธชื่อปิงคิยานีว่า พระพุทธองค์ทรงมีพระปัญญาเลิศล้ำเพียงใด  ปิงคิยานีตอบว่า "ข้าพเจ้าเป็นใครกันเล่า จักอาจหาญล่วงรู้พระมหาปัญญาของพระบรมศาสดาได้  มีเพียงผู้อยู่ในระดับเดียวกับพระองค์เท่านั้นจะพึงรู้ได้" 


"ช่างเป็นการสรรเสริญอันเลิศยิ่ง" การณปาลีกล่าว  ปิงคิยานีจึงตอบว่า "พระบรมศาสดาได้รับการสรรเสริญจากบุคคลผู้พึงสรรเสริญ พระองค์ทรงเป็นผู้ประเสริฐสุดในหมู่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย"


เมื่อถูกคาดคั้นถึงเหตุแห่งความเลื่อมใสอันยิ่งในพระบรมศาสดา  ปิงคิยานีตอบโดยยกอุปมา ๕ ข้อ ดังนี้ 


๑.เปรียบเสมือนบุคคลผู้อิ่มในรสอันเลิศแล้ว ย่อมไม่ปรารถนารสอันเลวเหล่าอื่น ฉันใด  ผู้ฟังธรรมของพระบรมศาสดาแล้ว ย่อมไม่ปรารถนาวาทะของสมณะเหล่าอื่น ฉันนั้น


๒.เปรียบเสมือนบุคคลผู้ถูกความหิวและความอ่อนเพลียครอบงำ พึงได้รวงผึ้ง เขาย่อมลิ้มรสหวานด้วยจิตเบิกบาน ฉันใด  ผู้ฟังธรรมของพระบรมศาสดาแล้วย่อมได้ความพึงพอใจ ได้ความสงบแห่งใจ ฉันนั้น 


๓.เปรียบเสมือนบุคคลผู้ได้ไม้จันทน์หอม พึงได้ความชื่นใจในกลิ่นหอมอันดีอันแท้ ไม่ว่าจะสูดดมจากยอด จากลำต้น หรือจากราก ฉันใด  ผู้ฟังธรรมของพระบรมศาสดา ไม่ว่าจะเป็นครั้งใด ย่อมนำมาซึ่งปราโมทย์และโสมนัส ฉันนั้น 


๔.เปรียบเสมือนบุคคลผู้อาพาธ มีทุกข์ เป็นไข้หนัก นายแพทย์ผู้ฉลาดพึงบำบัดอาพาธของเขาโดยเร็ว ฉันใด ผู้ฟังธรรมของพระบรมศาสดาแล้ว ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์ ความโทมนัส และความคับแค้นใจของเขาย่อมมลายไป ฉันนั้น 


๕.เปรียบเสมือนบุคคลผู้เดินทางกลางแดดร้อนจนเหน็ดเหนื่อย หิว กระหาย แล้วกระโจนลงในสระน้ำใสเย็น น่ารื่นรมย์  เขาย่อมระงับความกระวนกระวาย ความเหน็ดเหนื่อย และความเร่าร้อนทั้งปวงได้ ฉันใด  ผู้ฟังธรรมของพระบรมศาสดาแล้ว ย่อมระงับความกระวนกระวาย ความเหน็ดเหนื่อย และความเร่าร้อนทั้งปวงได้ ฉันนั้น ฯ


ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร

แปลถอดความ โดย ปิยสีโลภิกขุ

*****

Cr.ครั้งหนึ่ง การณปาลีพราหมณ์ถามสหายชาวพุทธชื่อปิงคิยานีว่า พระพุทธองค์ทรงมีพระปัญญาเลิศล้ำเพียงใด  ปิงคิยานีตอบว่า "ข้าพเจ้าเป็นใครกันเล่า จักอาจหาญล่วงรู้พระมหาปัญญาของพระบรมศาสดาได้  มีเพียงผู้อยู่ในระดับเดียวกับพระองค์เท่านั้นจะพึงรู้ได้" 


"ช่างเป็นการสรรเสริญอันเลิศยิ่ง" การณปาลีกล่าว  ปิงคิยานีจึงตอบว่า "พระบรมศาสดาได้รับการสรรเสริญจากบุคคลผู้พึงสรรเสริญ พระองค์ทรงเป็นผู้ประเสริฐสุดในหมู่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย"


เมื่อถูกคาดคั้นถึงเหตุแห่งความเลื่อมใสอันยิ่งในพระบรมศาสดา  ปิงคิยานีตอบโดยยกอุปมา ๕ ข้อ ดังนี้ 


๑.เปรียบเสมือนบุคคลผู้อิ่มในรสอันเลิศแล้ว ย่อมไม่ปรารถนารสอันเลวเหล่าอื่น ฉันใด  ผู้ฟังธรรมของพระบรมศาสดาแล้ว ย่อมไม่ปรารถนาวาทะของสมณะเหล่าอื่น ฉันนั้น


๒.เปรียบเสมือนบุคคลผู้ถูกความหิวและความอ่อนเพลียครอบงำ พึงได้รวงผึ้ง เขาย่อมลิ้มรสหวานด้วยจิตเบิกบาน ฉันใด  ผู้ฟังธรรมของพระบรมศาสดาแล้วย่อมได้ความพึงพอใจ ได้ความสงบแห่งใจ ฉันนั้น 


๓.เปรียบเสมือนบุคคลผู้ได้ไม้จันทน์หอม พึงได้ความชื่นใจในกลิ่นหอมอันดีอันแท้ ไม่ว่าจะสูดดมจากยอด จากลำต้น หรือจากราก ฉันใด  ผู้ฟังธรรมของพระบรมศาสดา ไม่ว่าจะเป็นครั้งใด ย่อมนำมาซึ่งปราโมทย์และโสมนัส ฉันนั้น 


๔.เปรียบเสมือนบุคคลผู้อาพาธ มีทุกข์ เป็นไข้หนัก นายแพทย์ผู้ฉลาดพึงบำบัดอาพาธของเขาโดยเร็ว ฉันใด ผู้ฟังธรรมของพระบรมศาสดาแล้ว ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์ ความโทมนัส และความคับแค้นใจของเขาย่อมมลายไป ฉันนั้น 


๕.เปรียบเสมือนบุคคลผู้เดินทางกลางแดดร้อนจนเหน็ดเหนื่อย หิว กระหาย แล้วกระโจนลงในสระน้ำใสเย็น น่ารื่นรมย์  เขาย่อมระงับความกระวนกระวาย ความเหน็ดเหนื่อย และความเร่าร้อนทั้งปวงได้ ฉันใด  ผู้ฟังธรรมของพระบรมศาสดาแล้ว ย่อมระงับความกระวนกระวาย ความเหน็ดเหนื่อย และความเร่าร้อนทั้งปวงได้ ฉันนั้น ฯ


ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร

แปลถอดความ โดย ปิยสีโลภิกขุ

****

Cr.https://www.facebook.com/100064337808864/posts/pfbid0kTUfHPCozpH1EPHoZGgioq8xUDaF75zQejnmm2Kt26aX7r1AzYT1p6TnH8kTakVwl/?mibextid=Nif5oz

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น