หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ชีวิตที่ร่มเย็นเป็นสุข

 


#อะไรที่ไม่จําเป็น ...ก็ไม่ต้องไปรับมัน

การสัมผัสโลกจากการเห็น​

การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส

การสัมผัสทางกายต่าง ๆ

ไม่ได้จบแค่เวลาเราสัมผัสเท่านั้น


สิ่งเหล่านี้จะเข้ามาประทับภายในใจของเรา

ฝังอยู่ภายในใจของเรา


ในแต่ละวัน... กี่เรื่องล่ะ?

ที่เข้ามาในชีวิตของเรา


โดยเฉพาะในยุคนี้เป็นยุคโซเชียล

เราไปสัมผัสเรื่องราวในโลกมากทีเดียว

และส่วนใหญ่เรื่องราวในยุคสมัยนี้

มีแต่ความเร่าร้อน

พอเราไปสัมผัสมาก ๆ มันเข้ามาประทับ

สะสมในใจเรามาก ๆ มันก็หนักเลย


คนในยุคนี้...

จึงมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตกันมาก

ความเครียด ความกังวล #ซึมเศร้า

ความตื่นตระหนกต่าง ๆ

ผลพวงจากการที่เราไปสัมผัส

เกินความจําเป็นในชีวิตของเรา


ยุคนี้ตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ

สัมผัสสื่อ สัมผัสอะไรเกินความจําเป็นในชีวิต

เด็กสมัยนี้ จึงมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตกันมาก

ก้าวร้าว อารมณ์รุนแรง 

เครียด เศร้า กังวล

#นอนไม่หลับ ต่าง ๆ สารพัด

... พอเป็นก็กินยา


บางคนเป็นกันมาก

นอนไม่หลับในยุคสมัยนี้​ เรื่องในหัวเยอะ 

เพราะว่าไปรับอะไรมามากเกิน

พอนอนแล้ว ผุดอะไรไม่รู้เต็มไปหมด

ส่วนใหญ่ชอบคิดให้ไม่สบายใจ วุ่นวายใจ

จากเรื่องเล็ก กลายเป็นเรื่องใหญ่

จากไม่มีเรื่อง ก็กลายเป็นเรื่อง

เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวเศร้า 

... เดี๋ยวอะไรสารพัด


คนในยุคสมัยนี้จึงทุกข์

เพราะจมกับความคิดกันมาก

มาจากการที่เรา ไปรับอะไรมากเกินนั่นเอง

ส่วนใหญ่แล้ว เป็นสิ่งที่ไม่ได้จําเป็นกับชีวิตเราเลย


ยิ่งมีโทรศัพท์ สัมผัสทั้งวัน

เราไม่รู้เลยว่า ผลพวงที่ตามมา

มันเข้าไปสะสมในใจเราขนาดไหน?

บางทีกว่าจะรู้ตัว ก็ป่วยไปแล้ว

สภาพจิตใจยํ่าแย่ไปแล้ว


ถึงแม้เราจะพยายามฝึกสติ

แต่ถ้าเราไม่ลดการสัมผัส

ชําระกันไม่ทันหรอก

ยิ่งระดับวิปัสสนาญาณ จิตละเอียดจะรู้เลย

เพียงแค่เราสัมผัสสื่อพวกนี้นิดเดียว

โอ้โฺฺฮ! มันเข้ามาประทับหนึบในใจแล้ว


บางทีหลายวัน​ หลายเดือนกว่าจะหลุด

นับประสาอะไรกับคนที่สัมผัสกันเต็มไปหมด

พลังงานในยุคนี้จะเป็นยางเหนียวมาก

มันหนืด มันข้น เหมือนจาระบี

ที่มันเข้ามาประทับหนึบแน่นเลย


เพราะฉะนั้น...

ลดการสัมผัสโลกลง

อะไรที่ไม่จําเป็น ก็ลดลงเสียบ้าง

จะได้มีโอกาสชําระซักฟอกจิตใจ

ให้เบาบางลงบ้าง


ร่างกาย เรายังต้องอาบนํ้าชําระกันทุกวัน

จิตใจ.. ได้ชําระกันบ้างหรือเปล่า?

มันหมักหมมยิ่งกว่ากายเยอะ


ที่คนยุคนี้ เป็นยุคปัญหาสุขภาพจิต

เพราะว่าสะสมกันมาก ซึมเศร้าเป็นกันมาก

ไบโพลาร์​เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย 2 ขั้ว 

แพนิค​ ตื่นตระหนก​

คิดกังวล คิดวกไปวกมา

อารมณ์ก้าวร้าวรุนแรง ฉุนเฉียว โมโหง่าย

วีนแตก ความเครียด ความกังวล

ผลพวงจากการที่เราไปสัมผัส

แล้วมันก็ประทับข้างในมาก


วิธีการที่จะฟื้นฟูสภาพจิตใจของเรา คือ... 

เราต้องลดการสัมผัสลง

เพราะจิตซึมซับทั้งหมด

โดยเฉพาะในยุคนี้เราอยู่ในยุค

ที่สภาพแวดล้อมเป็นมลพิษ มลพิษเยอะ

ถ้าเราอยู่ในครอบครัวที่มีการทะเลาะ มีมลพิษ

ใจเราจะซึมซับสิ่งเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว


น่าเห็นใจ... เพราะว่าสภาพสังคม

สภาพแวดล้อมในยุคนี้เต็มไปด้วยมลพิษ

ทางรูป ทางเสียง ทางกลิ่น ทางรสต่างๆ

เป็นสิ่งที่เรียกว่า ต้องรู้จักที่จะยั้งตัวให้เป็น

คืออะไรที่ลดลงได้ เราก็ลดลง

หลีกออกจากความวุ่นวายเสียบ้าง


เคยไปที่ในวัด เห็นที่เขาทําไหม?

ลิงที่เขาปิดตาบ้าง  ปิดหูบ้าง​ ปิดปากบ้าง 

... จะอยู่สบาย


อะไรที่ไม่จําเป็น ก็ไม่ต้องไปรับมัน

เรื่องไม่ต้องไปรู้ทุกเรื่องหรอก

เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ เข้ามาแล้ว

รกภายในใจของเรา หมักหมมอยู่ข้างใน


ยิ่งเป็นนักปฏิบัติจะรู้เลย

เพียงแค่เราฟังเพลงแป๊บเดียว

แล้วเพลินกับมัน ปุ๊บ!​ มาประทับแล้ว 

นั่งภาวนาไปเถอะ 2-3 วัน​ ยังผุดอยู่เลย

เวลาไปดูอะไรปุ๊บ ประทับในใจ

เวลาภาวนาก็จะผุด ๆ ๆ ขึ้นมา

มันเข้าไปฝังโดยอัตโนมัติ ฝังชิปอยู่ข้างใน


เพราะฉะนั้น...

ถ้าเราฝึกแล้วเราไม่ลดการสัมผัส​

ไม่ทันกัน อันดับแรกคือ ต้องรู้จัก

ในการลดการสัมผัสสิ่งเหล่านี้ลง

ถ้าเป็นวิถีของสมณะ ท่านถึงให้แยกออกเลย 

...แยกออกจากโลกเลย


แต่สําหรับฆราวาส

ก็เป็นธรรมดาที่ต้องคลุกอยู่กับโลก

เราก็ลดการสัมผัสลง 

เรียกว่าอะไรที่ลดได้ เราก็ลดลง


แล้วให้เวลากับการฝึกปฏิบัติ

เพื่อชําระซักฟอกจิตใจบ้าง​

#ดีท็อกซ์ ใจ บ้าง 

แล้วอะไร ๆ ที่มันหนัก ๆ

จะเบาลงได้มากทีเดียว


ท่านทั้งหลาย...

จะได้มีชีวิตที่ร่มเย็นเป็นสุขได้

.

ธรรมบรรยาย โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร

คํ่าวันที่ 20 กรกฎาคม 2565

*****

Cr.https://www.facebook.com/707600716067818/posts/pfbid02CKkM513RMNaitk2tT23V2duKEqC72AcsQrmR858SxXDbEmQ6k45cSSUXhke5vRosl/?mibextid=Nif5oz

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2565

รถไฟไทยวันพ่อ

รถไฟไทยวันพ่อ ธันวาคม 2465


 วันที่ 5 ธันวาคม วันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เส้นทางกรุงเทพ – ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ



วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2565

สี่วันในเสียมราฐ(๕) ส่งท้าย

 


...หลังจากชมความยิ่งใหญ่ของพระนครหลวง"นครธม" ในช่วงเช้าแล้ว..ช่วงบ่ายจะไปชมความงามของปราสาทตาพรม ถือว่าเป็นไฮไลท์ของนครวัด นครธมอีกแห่งหนึ่งสถานที่นี้ร่มรื่มด้วยต้นไม้ใหญ่ช่วงบ่ายแม้อากาศร้อนก็เดินชมได้อย่างสบายๆ...


เส้นทางจากนครธมไปปราสาทตาพรม

     ปราสาทตาพรม อยู่ทางทิศตะวันออกของนครธม ระยะทางประมาณ 5 กม.จากจุดจอดรถในนครธม  เรานั่งรถออกมาจากนครธม สักพักก็ถึง เราจะเข้าชมทางประตูทิศตะวันตกคือด้านหลังของปราสาท ชมภายในปราสาทแล้วมาออกทางประตูด้านทางทิศตะวันออก..






      ปราสาทตาพรม สร้างราวปี พ.ศ.1729 (B.E.)โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (ครองราชย์ พ.ศ.1727 - 1762(B.E,) ผู้สร้างนครธม ร่วมสมัยกับปราสาทบายน จะเห็นได้ซุ้มประตูมีพระพักตร์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เช่นเดียวกัน และจัดว่าเป็นวัดในพระพุทธศาสนา ตามประวัติกล่าวว่า พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างปราสาทตาพรมอุทิศถวายแด่พระราชมารดาคือพระนางชัยราชจุฑามณี  และมีพระราชประสงค์ให้ปราสาทตาพรมเป็นวัดหลวงของพระนครหลวง(อังกอร์ธม) และพระองค์ยังสร้างปราสาทพระขรรค์ อุทิศให้พระราชบิดา คือ พระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 2 


ดนตรีของผู้พิการจากสงครามในกัมพูชา บริเวณทางออกทิศตะวันตก

















ปราสาทตาพรม มีชื่อเสียงในการเป็นฉากถ่ายทำจากภาพยนต์ 
เรื่อง ลาล่า ครอฟท์ ทูมเรเดอร์ ในปี ค.ศ.2001

......ก็เป็นอันจบทริปการชมนครวัด นครธม..ในเสียมราฐยังมีปราสาทโบราณสถานอีกหลากหลาย ชวนให้ติดตามชมศึกษาหาความรู้ในด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมและเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย...หากมีเวลาคงได้กลับมาเยี่ยมชมเสียมราฐอีกครั้ง....
         มื้อเย็นนี้ขอส่งท้ายที่ร้าน  Peace Cafe Vegeterian Restuarant   





....เช้าวันรุ่งขึ้นก็อำลาเสียมราฐ...คงมีโอกาสกลับมาเยี่ยมเยียนกันอีก...





.......................
ขอบคุณ Chet  ☎ 098 770 890 ผู้ให้บริการตลอดสี่วัน
 





Siem Reap International Airport
Tourist Transport Association.

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ....



************
 









วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2565

สี่วันในเสียมราฐ (๔)


แผนที่นครธมโดยสังเขป
......ช่วงเช้าวันนี้เราจะเข้านครธม ในช่วงบ่ายเราจะไปชมปราสาทตาพรม นครธมเป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้ายของอาณาจักรขอมหรืออาณาจักรอังกอร์ ซึ่งมีมาช้านานตั้งแต่พ.ศ.1333-1974 รวมเวลาทั้งสิ้น 641 ปี (อาณาจักรอยุธยา พ.ศ.1893-2310 รวมเวลา 416 ปี) ....
.....นครธมสร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (ครองราชย์ พ.ศ.1724 - 1762) นครธมเป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้ายของอาณาจักรขอม ก่อนที่จะย้ายไปพนมเปญ เมื่ออาณาจักรอยุธยา เข้ายึดครองนครวัด เมื่อ พ.ศ.1974 ....
       นครธม มีขนาดพื้นที่ กว้าง 3 X ยาว 3 กม.  9 ตารางกิโลเมตร
       ทางเข้านครธม จะมีประตูเข้าทั้งสี่ทิศ



ก่อนถึงประตูซ้ายขวาจะมีเทวดาและอสูร



ผ่านประตูทางเข้าไปแล้วจะมีที่จอดรถ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ห้องน้ำ
เราจะเดินชมภายในนครธม ตามที่Chetไกด์แนะนำ..หลังจากจอดรถและทานอาหารเช้าเรียบร้อยก็เดินชมลัดเลาะไปตามลำดับ คือ พระใหญ่ พระราชวัง ปราสาทพิมานอากาศ ปราสาทบาปวน ปราสาทบายน ลานช้าง ลานพระเจ้า เดินชมเป็นวงรอบกลับมาที่จุดจอดรถ ระยะทางน่าจะราวๆ 3 กม.ครับ..


ซักซ้อมเส้นทางเดินกันหน่อย...




พระใหญ่


โครงการบูรณะปรับปรุงพระราชวังหลวง 
โดยความร่วมมือของรัฐบาลจีนและเมืองเสียมราฐ




พระราชวังอยู่ระหว่างการบูรณะปรับปรุง







ปราสาทพิมานอากาศ
จากปราสาทพิมานอากาศเดินลัดเลาะไปตามทาง
ก็จะถึงปราสาทบาปวน











ปราสาทบาปวนนี้สร้างก่อนการสร้างนครธม แต่เป็นเพราะการสร้าง
นครธมรวมเอาพื้นที่ปราสาทบาปวนที่มีอยู่ก่อนแล้วซึ่งสร้างในสมัย
พระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 (พ.ศ.1593-1609)
ปราสาทบาปวนนี้ผมไม่ได้ขึ้นไปชมข้างบนเพราะค่อนข้างสูง
กลัวจะไปหมดแรง!!?ข้างบนกลับลงมาไม่ได้.....
....ครับ..ขอเวลานอกนิดนึง...ใกล้ๆ ปราสาทบาปวนนี้มีห้องน้ำครับ
ห้องน้ำในโบราณสถานของเสียมราฐนี้ค่อนข้างสะอาดมาก
มีระบบบริหารจัดการที่ดีมากๆ จะเหมือนๆ กันทุกแห่งครับ


...เข้าห้องน้ำแล้วไปกันต่อครับ..เดิน..เดินกันต่อ..
ก็จะมาถึงปราสาทบายน ปราสาทที่สร้างตรงศูนย์กลางพื้นที่
ของพระนคร


ปราสาทบายน สร้างในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 
(ประสูติ พ.ศ.1668,ครองราชย์ พ.ศ.1724-1761)
พระองค์ทรงสร้างปราสาทบายนราว พ.ศ.1734
พระองค์เป็นกษัตริย์เขมรพระองค์แรกที่นับถือพระพุทธศาสนามหายาน
ทรงสร้างพุทธศาสนาไว้มากมายรวมทั้งปราสาทตาพรมถวายมารดา
และบูรณะปราสาทหินพิมายที่โคราช สัณนิษฐานว่าเป็นเมืองเกิดมารดา





..พักเหนื่อย..ดูข้อมูลกันหน่อย..




ยอดปราสาทปัจจุบันมี 37 ยอด ทุกยอดจะมีพระพักตร์ 
ยอดละ 4 หน้าบ้าง 3 หน้าบ้าง...
ภายในปราสาทค่อนข้างมืด มีภาพสลักนูนต่ำ



เท่าที่เห็นมี ญี่ปุ่น จีน เกาหลี อินเดีย ที่เข้ามาสนับสนุนอนุรักษ์โบราณสถานในเสียมราฐ


จากปราสาทบายนเราเดินบนทางเดินเท้า 
ซึ่งขนานไปกับถนนสายหลักภายในนครธม


หมู่ปราสาทซัวปรอด




ลานช้าง ด้านหลังของเป็นทางเข้าพระราชวังหลวง




ประตูทางเข้าพระราชวังหลวง ด้านหลังของลานช้าง


ลานพระเจ้าขี้เลื้อน





เราเดินชมภายในนครธมเป็นวงรอบ และกลับมาที่จุดเริ่มต้นที่ที่จอดรถ
ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารและห้องน้ำ
จากนี้เราจะไปชมปราสาทตาพรม ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของนครธม
ระยะทางถนนประมาณ 5 กม.

**************