หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2564

ยารักษาใจ

 


      พระพุทธเจ้าคือยารักษาใจ
      บุญกุศลนี้เหมือนเป็นยาที่จะรักษาโรคจิตโรคใจของเราให้หาย ให้จิตของเรานี้เป็นปกติ จิตของเราก็เป็นเหมือนร่างกาย เจ็บไข้ได้ป่วยเหมือนกับร่างกาย แต่การเจ็บไข้ได้ป่วยของจิตใจนี้ร้ายแรงกว่าความเจ็บไข้ได้ป่วยของร่างกาย เพราะร่างกายอย่างมากก็แค่ตายไป แต่ใจที่ความทุกข์ความไม่สบายใจนี้ จะต้องมีความทุกข์มีความไม่สบายใจต่อไปเป็นภพเป็นชาติในเวลาอันยาวนานหลังจากที่ร่างกายนี้ตายไปแล้ว
     ใจไม่ได้ตายไปกับร่างกาย ถ้าใจมีความทุกข์ติดตัวไป ใจก็ยังต้องทุกข์ต่อไป ต้องเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่อไป ร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่กี่เดือนกี่วันก็ตาย โรคภัยไข้เจ็บก็หายหมด แต่โรคภัยไข้เจ็บของจิตใจนี้ไม่ได้หายไปกับการตายของร่างกาย ยังติดไปกับใจต่อไป เพราะใจเป็นสิ่งที่ไม่ตาย และสิ่งที่จะรักษาใจให้หายจากโรคภัยของจิตใจได้ ก็คือการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ถ้าเราปฏิบัติก็จะทำให้ใจของเรานี้มีความสุขมีความสบาย ถ้าเราไม่ทำตามคำสอน เราก็จะมีแต่ความทุกข์ มีแต่ความวุ่นวายใจ  ดังนั้นเราจึงต้องมาศึกษาว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราทำอะไร
     สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนี้เป็นเหมือนยาที่จะมากำจัดเชื้อโรค  เชื้อโรคที่ทำให้จิตใจของเราไม่สบาย ก็คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง เวลาใดที่เรามีความโลภเราจะมีความไม่สบายใจ กระวนกระวาย กระสับกระส่าย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ และเวลาที่เราโลภแล้วไม่ได้ดังใจอยากก็จะเกิดความโกรธขึ้นมา นี่เป็นเพราะมีความหลง...
    ตราบใดที่เรายังหาความสุขนอกตัวเราอยู่ เราจะไม่มีวันได้ความสุข เราจะได้แต่ความทุกข์ ได้แต่ความหิวความอยาก เหมือนกับคนที่ติดยาเสพติด คนที่ติดยาเสพติดนี้จะต้องหายาเสพติดมาเสพอยู่เรื่อยๆ เวลาใดที่หาไม่ได้ เวลานั้นก็จะทุกข์ทรมานใจอย่างมาก อาจจะถึงกับตายไปเลยก็มี ฤทธิ์ของการติดยาเสพติดมันร้ายแรง...ของต่างๆ ที่เราอยากได้ก็เหมือน ยาเสพติด เวลาอยากได้นี้ ใจเรากระวนกระวายไม่สบายใจกินไม่ได้นอนไม่หลับ ต้องมาเดือดร้อน มารบกวนพระกัน มาขอพรกัน ขอให้ได้สิ่งนั้น ขอให้ได้สิ่งนี้กัน ไม่เคยฟัง พรของพระเลย  พรของพระ ก็คือว่าอย่าไปอยากได้อะไร เพราะความอยากนี้เป็นเชื้อโรคของใจ ทำให้ใจไม่สบาย  ถ้าอยากจะสบายใจอยากจะมีความสุข อย่าไปอยากได้อะไรเพราะความสุขที่แท้จริงอยู่ในใจที่ไม่มีความอยากนั่นเอง ถ้าใจไม่มีความอยาก ใจจะมีความสุขมาก
     ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้พวกเรายุติการหาความสุขภายนอกใจ อย่าไปหาลาภ ยศ สรรเสริญ อย่าไปหา รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เพราะมันจะเป็นเหตุให้เราไม่สบายใจ ให้เรามาหาความสงบกัน ความสงบคือความสุขที่แท้จริงของใจ ความสงบจะทำให้ความอยากหายไป พอความอยากหายไปก็เหมือนกับเชื้อโรคหายไปจากใจ พอไม่มีเชื้อโรค ใจก็หายจากความทุกข์ความวุ่นวาย ใจก็มีแต่ความสุข..(ยังมีต่อ)..
...............................
Cr.หนังสือธรรมะในศาลา ชุดในพรรษา พ.ศ.๒๕๕๘ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต  วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร จังหวัดชลบุรี

................................

................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น