หน้าเว็บ
▼
วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2563
สวัสดีครับ..ที่นี่ประเทศไทย
Cr.Fwd Line
ไทยกระหึ่มโลก
ต่างชาติชูแก้โควิด-19 ได้ดีเยี่ยม !!
หลังจากมวลมนุษยชาติรับรู้ถึงการเกิดขึ้นใหม่ของโรคโควิด-19
ที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
จนถึงวันนี้พบผู้ติดเชื้อทั่วโลกรวมแล้ว 2,331,892 ราย เสียชีวิตกว่า 160,892 ราย
ก่อนหน้านี้ประเทศไทยถูกคาดการณ์ อาจเป็นชาติแรก ๆ ที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุดรองจากจีน
เนื่องจากนักท่องเที่ยวประเทศดังกล่าวเดินทางเข้ามามากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
แพทย์ที่มีชื่อเสียงของไทยคาดการณ์ อาจจะมีผู้ติดเชื้อในไทยมากถึง 3 แสนคนในช่วงเดือนเมษายน
ข้อมูลดังกล่าวได้สร้างความตกอกตกใจให้กับชาวไทยเป็นอย่างมาก
ซ้ำร้ายหมอบางคนยังให้ข้อมูลเพิ่มเติม หากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันแตะที่หลักร้อยเมื่อไหร่
การกระจายตัวไปสู่หลักพัน หลักหมื่น หลักแสน จะเป็นอย่างรวดเร็ว
ถึงวันนี้ย่างเข้าสู่เดือนที่ 4 ของการแพร่ระบาด
แต่สถานการณ์ในประเทศไทยกลับไม่เดินไปถึงจุดที่หลาย ๆ ฝ่ายคาดการณ์
ยอดผู้ติดเชื้อรวม ณ วันนี้มีเพียง 2,765 ราย รักษาหายแล้ว 1,928 ราย เสียชีวิตแค่ 47 ราย
แม้เราจะเคยมีผู้ติดเชื้อแตะหลักร้อยสูงสุดคือ 188 ราย /วัน ในช่วงเดือนมีนาคม
แต่ยอดกลับไม่ทะยานขึ้นอย่างที่คาด หนำซ้ำยังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
สวนทางกับประเทศอื่น ๆ ในชาติอาเซียนด้วยกัน อย่างญี่ปุ่นกับสิงคโปร์ ที่สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง
ยังไม่รวมชาติตะวันตกที่ประชากรเสียชีวิตเหมือนใบไม้ร่วงในแต่ละวัน และมีแนวโน้มที่หยุดไม่อยู่
จนต่างชาติเองต่างก็ทึ่งในความสามารถของประเทศไทย
ทึ่งในระบบสาธารสุขของประเทศกำลังพัฒนาอย่างเรา
วันนี้ จึงจะขอนำตัวอย่างคำชื่นชมเหล่านั้นมาให้อ่านกันให้ชื่นใจ
แล้วเราจะรู้สึกเชื่อมั่นในประเทศของเรามากขึ้น
เริ่มที่ผู้นำโลกอย่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เอ่ยชื่อประเทศไทยที่ติดท็อป 10 สามารถป้องกันเชื้อโควิด-19ได้ดีที่สุดในโลก และเป็นประเทศกำลังพัฒนาเพียงชาติเดียวที่มีชื่อในระดับโลกเช่นนี้
รวมถึงนายไมเคิล จอร์จ ดีซอมเบร (H.E. Mr. Michael George DeSombre) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย มองว่ารัฐบาลไทยมีมาตรการที่เข้มแข็ง ชัดเจน ส่งผลให้มีแนวโน้มตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นแนวราบ
เจเรมี ฮันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษ
เสนอให้รัฐบาลอังกฤษดูตัวอย่างประเทศไทย ซึ่งเป็นชาติแรกหลังจากจีนที่ได้รับเชื้อ แต่ขณะนี้ตัวเลขกลับลดลง ๆ เนื่องจากบริหารจัดการระบบสาธารณสุขได้ดี
ศ.นพ.ลินคอล์น เชน ประธาน China Medical Board ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระหว่างประเทศ และอดีตศาสตราจารย์ประจำวิทยาลัยสาธารณสุข มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บอกว่า
ประเทศไทยนั้นยิ่งกว่าพร้อมในการรับมือปัญหาโรคระบาดด้วยสเกลขนาดนี้ เพราะมีระบบสาธารณสุขที่ดีเยี่ยมระดับโลก
เว็บไซต์Berliner Morgenpost สื่อของเยอรมัน ลงบทความชื่นชมมาตรฐานการป้องกันของไทยที่ดีเยี่ยม แม้แต่จังหวัดเล็ก ๆ ของเรายังมีมาตรการป้องกันโรคที่รัดกุมกว่าในกรุงเบอร์ลิน ของเยอรมนี
อากิระ โคดากะ ช่างภาพชาวญี่ปุ่น จากเว็บข่าวนิดเคอิ เอเซียน รีวิว ตระเวนเก็บภาพในกทม. ยังต้องอึ้งกับพวกเรา โดยบอกว่าปกติคนไทยรักสนุก แต่หลังจากมีโควิด-19 คนไทยกลับรักษาระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด รักษาระยะห่างทางสังคมตามคำแนะนำ เช่น การยืนรอรถเมล์ที่มีระยะห่าง กดเงินตู้เอ็มทีเอ็มตามเครื่องหมายที่กากบาทไว้ให้ แม้แต่พระสงฆ์ยังสวมใส่หน้ากาก รวมถึงตำรวจใช่โล่กำบังคุยกับประชาชน ถือเป็นเรื่องที่น่าทึ่งเป็นอย่างมาก
ด้าน The Japan News สัมภาษณ์ชายชาวญี่ปุ่นวัย 36 ปี ย้ายมาทำงานที่ประเทศไทยแล้วติดเชื้อโควิด-19 และตอนนี้รักษาหายแล้ว เขาบอกว่ารัฐบาลญี่ปุ่นต้องเอาไทยเป็นแบบอย่างด้วยการสั่งปิดกิจการ หรือพื้นที่สุ่มเสี่ยงทันที เพราะหากไม่มีมาตรการที่เข้มข้นเช่นนี้ ไม่มีทางจะเอาชนะโรคนี้ได้
ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวชื่นชมไทย มีระบบการดูแลสุขภาพระดับครอบครัวที่ดีเยี่ยม มีอสม. กว่า 1,040,000 คน ที่เป็นพลังงานเงียบที่ช่วยสู้โควิด-19 ของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยังไม่รวมคนไทยในต่างแดน อาทิ คนไทยในสหรัฐอเมริกา อิตาลี สเปน อังกฤษ ฯลฯ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ณ เวลานี้ประเทศไทยทำได้ดีที่สุด ดีกว่าชาติอื่นที่เขาไปอาศัยอยู่ ขณะที่ชาวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยต่างก็ชื่นชมมาตรฐานการคัดกรอง การมีวินัยของคนไทยเช่นกัน ที่ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทางการอย่างเคร่งครัด เช่นนักท่องเที่ยวสาวชาวสิงคโปร์รายหนึ่งถึงกับออกปากชื่นชมไทยทำดีกว่าบ้านตัวเองเสียอีก
นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของคำชื่นชม ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการที่เคร่งครัดของรัฐบาล
ประกอบกับมาตรฐานด้านสาธารณสุขระดับโลกของเรา
ที่สำคัญ ... มันมาจากความร่วมมือของพวกเราทุกคนที่จะช่วยกันก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้
เรื่องนี้แสดงให้เห็นชัดเจน ... ลองคนไทยตั้งใจทำอะไรแล้ว ก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก !!
#COVID-19
#โลกชื่นชมไทย
#โควิด-19
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น