หน้าเว็บ

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2562

ส่งต่อออกไป

ครั้งหนึ่งนักคณิตศาสตร์อัจฉริยะคนหนึ่งของโลก พอล แอร์ดิช (Paul Erdős) ได้ยินว่าลูกศิษย์คนหนึ่งไม่สามารถเรียนต่อที่ฮาร์วาร์ดได้ เพราะขาดเงิน เขาจึงมอบเงินให้ลูกศิษย์เรียนต่อจนจบ หลายปีต่อมาลูกศิษย์คนนั้นกลับมาหาอาจารย์และคืนเงินที่อาจารย์ให้ยืม อาจารย์ตอบว่า“คุณเอาเงินนี้ไปให้นักศึกษาคนอื่นที่ต้องการใช้เงิน ให้เขาใช้เรียนต่อ”

เคยไหมที่เรายื่นหนังสือที่อ่านแล้วให้คนแปลกหน้า เขาบอกว่า “แล้วผมจะคืนคุณยังไง?”

“ก็ส่งต่อให้คนอื่นอ่านก็แล้วกัน”

เคยไหมที่เมื่อการจราจรติดขัด รถคันหนึ่งยอมเปิดทางรถให้เรา เรารู้สึกดีจนเมื่อมีรถคันอื่นขอทางบ้าง เราก็เปิดทางให้รถอีกคันหนึ่ง

เหล่านี้ดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ เหมือนหยดน้ำใสหยดเล็กที่ไม่มีพลังอำนาจใด แต่เมื่อรวมกัน ด้วยจำนวนคนที่ส่งต่อหยดน้ำใสมากพอและนานพอ หยดน้ำใสก็สามารถเปลี่ยนบ่อน้ำครำทั้งบ่อเป็นน้ำใสได้

สังคมเราโอบรับความเห็นแก่ตัวมากขึ้นทุกที มากจนสำลัก คนส่วนใหญ่ไม่คิดจะทำดีเพื่อคนอื่นหากไม่ได้รับสิ่งตอบแทน และมองว่าการให้คนอื่นเป็น ‘ความโง่’

นี่คือแนวคิดที่เรียกว่า pay it forward

pay it forward เป็นสำนวน หมายถึงการตอบแทนบุญคุณที่ได้รับจากใครคนหนึ่งให้คนอื่นแทน

นี่มิใช่แนวคิดใหม่ เชื่อว่ามันเริ่มมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ และมีนักคิดนักเขียนไม่น้อยเขียนแนวคิดนี้ มันเป็นวิธีหนึ่งในการสร้างสรรค์โลกให้ดีขึ้น

นักเขียนผู้เร่ิมใช้วลี Pay It Forward คนแรกคือ Lily Hardy Hammond ในหนังสือเรื่อง In the Garden of Delight ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1916 ท่อนหนึ่งในหนังสือเขียนว่า “You don’t pay love back; you pay it forward.”

คุณไม่รักตอบ คุณรักต่อ

pay it forward ฟังดูเหมือนเรื่องเพ้อฝัน อุดมคติโง่ ๆ ไม่มีประโยชน์ แต่หากทุกคนตอบแทนความดีที่ได้รับต่อให้คนอื่น โลกจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

เราไม่ควรปล่อยการทำดีเป็นหน้าที่ของมูลนิธิหรือองค์กรการกุศล มันเป็นหน้าที่ของเราทุกคน

มันเป็นงานที่ยาก แต่มันเป็นไปได้

เพราะในโลกที่คนไม่แยแสสังคมส่วนรวม การเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นไม่อาจกระทำได้ง่าย ๆ

ความดีเป็นสิ่งแปลกอย่างหนึ่ง ยิ่งให้ยิ่งงอกเงย ยิ่งส่งต่อยิ่งสวยงาม

บุญคุณได้รับแล้วสมควรตอบแทน แต่การตอบแทนสามารถไปได้กว้างกว่าคืนเจ้าของเดิม

และนี่คือความรักโดยไม่มีข้อแม้ที่แท้จริง

ไม่ต้องตอบแทนความรัก ส่งมันต่อออกไป

.……………….

จากหนังสือ 1 เปอร์เซ็นต์ของความเป็นไปได้

วินทร์ เลียววาริณ
********
Cr.ขอบคุณ จาก Fwd.Line

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น