หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ความเงียบที่น่ายกย่อง


ขอขอบคุณ  ภาพจากอินเตอร์เนต

ความเงียบที่น่ายกย่อง

"เบื้องหลังของความเงียบ
มันประกอบไปด้วยความอบอุ่นและความน่ายกย่อง
จากประสบการณ์ที่ได้สัมผัสด้วยตัวเราเองในประเทศเยอรมันนี"

ในตอนเย็นวันหนึ่งของฤดูหนาว
เรากำลังเข้าแถวรอรถประจำทาง
มีคนรออยู่ในแถวห้าหกคน
ทุกคนล้วนยืนรอด้วยความสงบและเป็นระเบียบ

ในเวลาเดียวกัน มีคนจูงสุนัขเดินมาแต่ไกล
พอทั้งคู่เดินใกล้เข้ามา
ภาพที่ได้เห็นคือ 
ชายหนุ่มสูงใหญ่ หลังตรงงามสง่า
มีสุนัขที่เดินนำหน้า เป็นสุนัขที่ถูกฝึกมาเป็นพิเศษ
มันถูกฝึกมาสำหรับคนพิการทางสายตาโดยเฉพาะ
สังเกตเห็นได้จากสายรัดคอของสุนัข
เป็นสายรัดที่มีสัญลักษณ์โดยเฉพาะ

เขาเป็นชายหนุ่มที่พิการทางสายตา
ชายหนุ่มค่อยๆเดินตรงมายังป้ายรถประจำทาง
แล้วก็หยุดยืนอยู่ห่างจากแถวพวกเราเล็กน้อย

ไม่มีใครทักทายให้เสียงกับชายหนุ่มคนนั้น
เรากำลังคิดจะเดินไปนำพาเขามาเข้าแถว
แต่คุณผู้ชายวัยกลางคนที่อยู่หัวแถว
รีบเก็บพับหนังสือเล่มที่กำลังอ่าน
แล้วเดินตรงไปยืนอยู่หลังชายหนุ่ม
คนอื่นๆที่อยู่ในแถว ก็ทยอยเดินไปต่อแถวกันใหม่
ไม่มีเสียงแม้แต่นิดเดียว 

หญิงสาวผมสั้นสีแเดงที่ยืนติดกับเรา
มองหน้าสุนัขอย่างครุ่นคิด
คงเกรงว่ากลิ่นบุหรี่จะไปรบกวนโสดประสาทการดมกลิ่นของสุนัข
เธอลังเลอยู่แป๊บหนึ่ง
ก่อนจะดับบุหรี่ที่เพิ่งจุด
แล้วก็เดินตามกันไปต่อแถวใหม่

แถวใหม่เกิดขึ้นอย่างเรียบร้อย
เป็นแถวที่ชายหนุ่มกับสุนัขของเขาอยู่หัวแถว
เป็นการร่วมกันกระทำของกลุ่มคนแปลกหน้า
เป็นการกระทำที่ไม่ได้นัดแนะ 
เป็นการกระทำที่ไม่ต้องใช้เสียง
ทุกคนทำเหมือนเป็นหน้าที่
เรารู้สึกทึ่งอย่างบอกไม่ถูก

ทุกคนยังคงรอคอยด้วยความเงียบสงบ
แล้วรถประจำทางก็มาถึง
"รอสักครู่ ผมจะลงไปรับ......"
พนักงานขับรถกำลังขยับตัวจะลุกจากที่นั่งคนขับ
"ขอบคุณครับ ไม่ต้องรบกวนหรอกครับ"
ชายหนุ่มรีบปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสุภาพ
ภายใต้การนำของสุนัขฝึกหัดตัวนั้น
ทั้งสองค่อยๆก้าวขึ้นรถไป

เวลานั้นเป็นเวลาหลังเลิกงาน
ผู้โดยสารก็เต็มคันรถอยู่แล้ว
แต่พอชายหนุ่มกำลังก้าวขึ้นรถ
ทุกคนรีบขยับตัวถอยร่นไปข้างหลัง
ทำให้มีพื้นที่ว่างที่บริเวณทางขึ้นทันที

ที่นั่งหลังคนขับ
มีเด็กผู้ชายอายุ 6-7 ขวบนั่งอยู่
คุณแม่รีบสะกิดลูกชายให้ลุกขึ้น
เพื่อสละที่นั่งให้ชายหนุ่ม
การกระทำที่ค่อนข้างกระทันหันของคุณแม่
ไม่ได้ทำให้เด็กผู้ชายงอแง
หนูน้อยรีบลุกขึ้นด้วยความเต็มใจ

สุนัขเห็นมีที่นั่งว่างอยู่
จึงนำพาเจ้าของเดินไปยังที่นั่ง
ส่วนตัวสุนัขเองก็นั่งตัวตรงอยู่ข้างๆบนทางเดิน
เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ชายหนุ่มไม่มีสิทธิ์ได้รับรู้ใดๆทั้งสิ้น

"สวัสดีครับ จะไปลงรถที่ไหนครับ"
"สวัสดีครับ ผมจะไปถนนมอร์ครับ"
"พะยะค่ะ ฝ่าบาท......"
ทุกคนหัวเราะในคำหยอกล้อด้วยอารมณ์ขันของคนขับ
แล้วรถประจำทางก็นำพาผู้คนเดินทางต่อไปด้วยบรรยากาศของความสดใส

ทุกคนบนรถเฝ้าสังเกตดูท่าทีอันสง่างามของสุนัข
แม้เวลาเลี้ยวรถ
สุนัขก็จะพยายามเอี้ยวตัวเพื่อรักษาการทรงตัวของตน
สายตาเพ่งมองไปข้างหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ
คงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับสุนัขที่เลี้ยงดูกันตามบ้าน

ไม่มีใครคิดจะยื่นมือไปลูบหัวสุนัข
ไม่มีใครนำเอามือถือออกมาถ่ายรูป
เด็กน้อยที่คิดจะยื่นขนมปังครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่ในมือไปป้อนเขา
ก็ถูกคุณแม่ดึงมือกลับ
กระซิบข้างหูเด็กน้อยแบบเบาๆ
"เขากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ มีงานต้องรับผิดชอบ อย่าไปรบกวน"
พอได้ยินคำว่า "ปฏิบัติหน้าที่"
เด็กน้อยพยักหน้าด้วยความเข้าใจ

เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ
ไม่นานนักก็มาถึงจุดหมาย
เมื่ออำลากับคนขับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ก้าวลงจากรถไป
ภายใต้การนำทางของสุนัขฝึกของเขา

รถประจำทางเดินทางต่อไป
แต่ความเงียบสงบยังคงครอบครองอยู่เต็มคันรถ
เราได้รับรู้ถึงความรักและความห่วงใยที่เกิดขึ้นภายใต้ความเงียบ
เป็นความน่ายกย่องที่รับรู้ได้ด้วยความรู้สึก
ภายนอกรถ ลมหนาวเย็นยะเยือก
แต่ภายในใจ เต็มไปด้วยความอบอุ่น

เรื่องราวที่น่าประทับใจนี้
คงไม่ใช่เพียงเพราะผู้คนเดินไปต่อแถวใหม่หลังชายหนุ่ม
คงไม่ใช่เพียงเพราะผู้คนรีบขยับถอยร่นให้มีพื้นที่ว่างเกิดขึ้น
และก็ไม่ใช่เพียงเพราะเด็กน้อยสละที่นั่งให้
แต่สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือ
เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
เป็นการกระทำที่ไร้เสียงแบบน่ายกย่องที่สุด

ความรัก ความห่วงใย ความเอื้ออาทรที่มีให้กับผู้อื่น
ไม่มีความจำเป็นต้องไปป่าวประกาศ
ไปเที่ยวบอกให้ผู้คนรับรู้ว่า
"พวกเรารักคุณ ห่วงใยคุณ"
บางเวลา
รักหรือห่วงใย ก็เป็นเรื่องเรียบๆง่ายๆ
แต่เป็นสิ่งที่เราสัมผัสได้ด้วยด้วยใจ ด้วยความรู้สึก

ความก้าวหน้าของประเทศ
คงไม่ได้วัดกันด้วยสภาพทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว

@@@@@@@@@@

Cr.ขอขอบคุณข้อมูล จาก  Fwd Line

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น