หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ทำไปเพราะความรัก

(ภาพจากอินเตอร์เนต)

เรื่อง ทำไปเพราะความรัก

หมีโคล่า เจอลูกนกถูกทิ้ง
หมีจึงเอาลูกนกมาดูแล

แล้วเป็นพ่อให้ลูกนก

เมื่อถึงเวลา ลูกนกต้องฝึกบิน
ลูกนกถามหมี พ่อจ๋าหนูจะบินได้อย่างไร

หมีบอกไปว่า เดี๋ยวพ่อบินให้ดู

หมีกระโดดจากยอดไม้แล้วกระพือแขนเร็ว ๆ เพื่อให้ลอยขึ้น
แต่ทุกครั้ง หมีก็จะหล่นลงพื้น ด้วยความหนักของตัว

หมีทำแบบนี้ทุกวัน ให้ลูกนกดู
แล้วบอกลูกนก ให้กระพือปีกแรง ๆ ตาม

พ่อไม่เห็นบินได้เลย
ลูกนกถาม

เพราะพ่ออ้วนไง แต่ลูกบินได้นะ
ลองทำดูสิ หมีบอกลูกนก

พ่อเธอไม่มีทางบินได้หรอก เพราะพ่อเธอไม่ใช่นก
ต้นไม้กระซิบบอกลูกนก

ถ้าพ่อบินไม่ได้ พ่อจะทำอย่างนั้นทุกวันทำไม
ลูกนกถามต้นไม้

"วันไหนเธอมีคนที่เธอรักสุดหัวใจ
เธอจะเข้าใจเอง" ต้นไม้ตอบ

ลูกนกมองหมีที่ตัวเต็มไปด้วยแผล
แล้วถามว่า พ่อบินไม่ได้ พ่อจะพยายามบินทำไม

หมียิ้มแล้วลูบหัวลูกนกเบา ๆ
พร้อมบอกว่า

" การพยายามทำอะไรเพื่อคนที่เรารัก
มันไม่มีขีดจำกัดหรอก มันทำได้ทุกอย่าง
พ่ออยากให้หนูบินได้
เพื่อที่สักวันหนูโตขึ้น จะได้บินออกไปดูโลกกว้าง
บินออกไปเห็นอะไรใหม่  ๆ
บินออกไปหากิน และเจอคนดีๆที่พร้อมจะเคียงข้างหนู
พ่อรักหนูนะ "

ลูกนกไม่ตอบอะไร
ปล่อยตัวลงไป กระพือปีกให้แรง
แล้วก็บินออกไปสู้ท้องฟ้ากว้างใหญ่

มีเพียงหมีที่มองจากต้นไม้ต้นนั้น
ด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขและน้ำตาจากความใจหาย
เขาไม่รู้ว่าลูกนกจะบินไปไหน
เขาไม่รู้ว่าลูกนกจะบินไปหาใคร
แต่เขารู้ว่า ลูกนกบินได้แล้ว เขาก็สุขใจ

ตะวันกำลังลับลา
หมีนั่งเช็ดแผลตัวเอง
พร้อมกับมองเงาฝูงนกที่บินตรงขอบฟ้า
แล้วหวังว่าจะมีลูกที่เขารักบินอยู่ในนั้น
ก่อนหลับตาไปด้วยความเหนื่อยล้าแต่สุขใจ

............

ไม่ทันได้หลับสนิท ก็มีอะไรแผ่นใหญ่ๆมาห่มไว้
หมีลืมตา เห็นลูกนกกำลังบินคาบใบไม้มาห่มให้
พร้อมกับอาหารและหญ้าสมุนไพรไว้ให้ใส่แผล
ลูกนกบินลงบนไหล่หมีอย่างเบา ๆ
แล้วกระซิบที่หูไปว่า
" หนูก็รักพ่อนะ "
(^^)ชอบบทความนี้มากอ่านแล้วน้ำตาซึมทุกครั้ง
***********
Cr. Fwd Line

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เก็บมาฝาก


เก็บมาฝาก....

10 สิ่งที่คุณต้อง 'ขอบคุณ' !

.1.เวลาใครบางคน 'ไม่สนใจคุณ'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ให้ 'อยู่ได้' โดยไม่มีเขา !
.
2.เวลาใครบางคน 'เบื่อคุณ'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ให้คุณ 'ให้เวลา' ตัวเอง
มากกว่าที่ 'ให้เวลา' เขา !
.
3.เวลาใครบางคน 'มองคุณในแง่ลบ'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ว่ามนุษย์ไม่ได้มองกันที่ 'ตัวตน' จริงๆ
แต่ 'ตัดสิน' มั่วๆ แค่มองกันผิวเผิน !
.
4.เวลาใครบางคน 'ทำให้คุณผิดหวัง'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ว่าอย่า 'คาดหวัง' อะไรจากใครทั้งนั้น !
.
5.เวลาใครบางคน 'ทำร้ายคุณลับหลัง
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ว่าอย่า 'ไว้ใจ' ใครไม่เลือกหน้า
ต้องใช้เวลา 'ดู' ให้นานพอ !
.
6.เวลาใครบางคน 'ลืมบุญคุณคุณ'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ว่าอย่า 'ให้' มากเกินไป
กับคนที่ 'ไม่คู่ควร' !
.
7.เวลาใครบางคน 'วิจารณ์คุณเละเทะ'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ว่าคน 'ไม่มีดี ไม่มีค่า ไม่มีผลงาน'
จะ 'ทำลาย' คนอื่นได้มากแค่ไหน !
.
8.เวลาใครบางคน 'หาเรื่องคุณ'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ให้ 'ใจเย็น' กับคนจิตใจต่ำ
และ 'ให้อภัย' คนนิสัยต่ำ !
.
9.เวลาใครบางคน 'เปลี่ยนไป'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ให้เริ่มทำตัว 'มีค่า'
โดยไม่ต้อง 'แคร์' เขาเลย !
.
10.เวลาใครบางคน 'ไม่รักคุณ'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ให้รู้จัก 'รักตัวเอง' !

สรุป ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน
เป็นที่พึ่งตนเองให้ได้ก่อน
แล้วก็เป็นที่พึ่งให้คนอื่น

ดังเช่น พระพุทธองค์เป็นที่พึ่งของตนเอง
และเป็นที่พึ่งของสัตว์โลกทั้งหลาย

Cr. จากไลน์............

วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ความทุกข์


ภาพจาก Line

ชีวิตมนุษย์
ตั้งอยู่บนพื้นฐาน
แห่งความทุกข์
และการแก้ปัญหา
อยู่ตลอดเวลา

ตามดู ตามรู้ให้เท่าทัน
และเพิ่มบุญก็จะค่อยๆ แก้ปัญหาได้
ต้องใช้กำลังใจที่เข้มแข็ง
เวลาก็เป็นเครื่องพิสูจน์คน

จะแก้วิบากไม่ดี
ต้องใช้กำลังบุญ
และใช้กรรมเก่าให้หมดไป
เมื่อใชัหมดวิบากกรรมหมด
วิบากก็จะหยุดส่งผล
จนกลายเป็นไม่ส่งผล

ปัญหาก็จะเริ่มคลี่คลาย
อุปสรรคก็จะหมดไป
ความทุกข์ก็จะน้อยลง

เป็นวงเวียนสลับเปลี่ยนอยู่อย่างนี้
ทุกข์  สุข สลับกันไป

ทุกข์ ก็ไม่นาน
สุข ก็ไม่นาน

เดี๋ยวมันก็ผ่านพ้นไป

ภูริทัตตา

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เราจะทำดวงตาให้เห็นธรรมได้อย่างไร



     ขั้นตอนในการปฏิบัติศาสนาพูทธ มีทั้งหมด ๕ ขั้นตอนคือ
     ๑. ขั้นการรักษาศีล คือ การสำรวม ระวัง รักษากาย วาจาให้เรียบร้อย เช่น รักษาศีล ๕, ๘,๑๐ และศีลปาติโมกข์
     ๒. ขั้นสมาธิ คือ การทำจิตให้สงบ ให้อยู่ฐานใดฐานหนึ่ง เช่น อยู่ที่ใจ กาย ฯลฯ
     ๓. ขั้นปัญญา นำผลจากการฝึกสมาธิที่ได้มาพิจารณาเห็นสิ่งต่างๆว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา แล้วจางคลายความยึดมั่น ถือมั่น จนถึงสภาวะจิตหลุดพ้น(วิมุติ)
     ๔. ขั้นวิมุติ(หลุดพ้น) ขั้นนี้ผู้ปฏิบัติจะเห็นทางเดิน(มรรค)ว่าเป็นอย่างไร และจะมีวิธีการอย่างไร ที่จะทำให้ทางนี้โล่งเตียนเสมอ (มรรค๘) คือ ขั้นชำระกิเลสที่เป็นอนุสัยนอนเนื่องในสันดานอออก อาศัยมรรค เป็นที่ประหารกิเลส จนสามารถทำอาสวะกิเลสสิ้นไป
     ๕. ขั้นวิมุติญาณทัสสนะ ขั้นนี้ผู้ปฦฏิบัติจะทำมรรค ๘ ให้รวมกันเป็นอันเดียวได้ เกิดความรู้ขึ้นไปโดยไม่ต้องนึกคิด(โพชฌงค์) ถ้าเอาสิ่งใดไปประกอบตัวรู้นี้ จะรู้ได้สายๆ โดบไม่ต้องผ่านการนึกคิด เช่น เอาสติเข้าไปประกอบ ตัวนี้ก็เป็นสติสัมโพชฌงค์ ซึ่งจะรู้เรื่องสติเป็นสายๆ ตั้งแต่ต้นจนถีงสติเว้นรอบ และเอาเรื่องเข้าไปประกอบ เช่น ธัมมวิจยะ. ปิติ,ปัสสัทธิ, วิริยะ, สมาธิ, อุเบกขา ก็จะเกิดความรู้ขึ้นแต่ละอย่างเป็นสายๆ ตังแต่เหตุเกิดแต่แรก จนถึงขั้นสุดท้าย โดยไม่ต้องนึกคิด เป็นความรู้ที่เรียกว่า "ตรัสรู้" ไม่เนื่องด้วยความนึกคิด 
..............................
จากหนังสือ เราจะทำให้ดวงตาเห็นธรรมได้อย่างไร โดย รตนญาโณ ภิกขุ วัดดอยเกิ้ง สำนักปฏิบัติธรรมรัตนประทีป อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
...............................

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

สู้ต่อไป


ภาพจากอินเตอร์เนต

       ท่านว่าชีวิตในโลกของความเป็นจริงต้องอยู่กับปัจจุบัน อดีตเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ย้อนกลับมาแก้ไขใหม่ก็ไม่ได้ อนาคตเป็นสิ่งยาวไกล ยากต่อการกำหนดให้อะไรเป็นอะไร ปัจจุบันสำคัญที่สุด สามารถกำหนดอนาคตได้ อนาคตจะดีหรือไม่ดีอย่างไร ก็อยู่ที่ปัจจุบันเพียงอย่างเดียว ดังท่านกล่าวเอาไว้อย่างนี้ว่า
                "อนาคตเป็นอย่างไรใครจะรู้
                  วันนี้อยู่พรุ่งนี้ตายคล้ายความฝัน
                   อดีตผ่านกาลล่วงมาค่าอนันต์
                   ปัจจุบันเมื่อยังอยู่สู้ต่อไป"
        มาอยู่บนโลกของความเป็นจริงกันเถอะ มรสุมของชีวิตอันน่ากลัว เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็จะไม่เกิดขึ้นอีก ด้วยเหตุผลว่า เราได้ชดใช้กรรมที่ไม่ดีไปแล้ว แต่ถ้าจะเกิดอีก ก็เกิดจากการที่เจ็บแล้วไม่รู้จักจำ ทั้งๆที่รู้ว่าผลของกรรมชั่ว ย่อมมีโทษร้ายถึงเพียงนี้ แต่ก็ยังไม่ละเว้นความชั่วอยู่ดี  สุดท้ายก็ต้องมารับวิบากที่ไม่ดีอีก อย่างนี้แหละที่เขาเรียกว่า "เจ็บแล้วไม่รู้จักจำ"
.................................
จากหนังสือ บัญญานุภาพ  สุทธิปภาโส ภิกขุ

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

คติธรรมหลงปู่


ภาพจาก Line

😉😉😉

"คนสมัยนี้ เขาเป็นทุกข์เพราะความคิด"

"บุคคลไม่ควรเศร้าโศกอาลัยอาวรณ์ถึงสิ่งนอกกาย
ทั้งหลายที่มันผ่านพ้นไปแล้ว มันหมดไปแล้ว 
เพราะสิ่งเหล่านั้น มันได้ทำหน้าที่ของมันอย่างถูกต้อง
โดยสมบูรณ์ที่สุดแล่้ว"

"อย่าให้จิตแล่นไปสู่อารมณ์ภายนอก 
ถ้าเผลอเมื่อรู้ตัวให้รีบดึงกลับมา 
อย่าปล่อยให้มันรู้อารมณ์ดีหรือชั่ว
 สุขหรือทุกข์ ไม่คล้อยตามไม่หักหาญ"

"มัวสนใจอะไรกับสิ่งเหล่านั้น 
ธรรมดาแสงย่อมสว่าง ธรรมดาเสียงย่อมดัง
 หน้าที่ของมันเป็นเช่นนั้นเอง
 เราไม่ใส่ใจฟังเสียงเหล่านั้นก็หมดเรื่อง 
จงทำตัวไม่ให้เป็นปฏิปักษ์กับสิ่งแวดล้อม
 เพราะมันมีอยู่อย่างนี้ เป็นอยู่อย่างนี้
 เพียงแต่ทำความเข้าใจกับมันให้ถ่องแท้
ด้วยปัญญาอันลึกซึ้งเท่านั้นเอง"

"จิตส่งออกนอก เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
จิตเห็นจิต เป็นมรรค
ผลจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ"
😅😦😒😒
คติธรรม
หลวงปู่ดุลย์ อตุโล

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

สติคุ้มครองจิต


☺☺☺

" สติเป็นแก่นของธรรม 
แก่นของธรรมแท้อยู่ที่สติ
ให้พากันหัดทำให้ดี ครั้นมีสติแก่กล้าดีแล้ว
ทำก็ไม่พลาด คิดก็ไม่พลาด
กุศลธรรมทั้งหลายจะเกิดขึ้น 
เมื่อบุคคลอยู่กับสติแล้ว
สติเป็นใหญ่ สติกำลังดีแล้ว
จิตมันจึงรวม
เพราะสติคุ้มครองจิต "
☺☺☺
 หลวงปู่ขาว อนาลโย


หาความสุข



ท่านเจ้าคุณ.................. ส่งมา
     กัลยาณมิตรผู้ล้ำลึก โปรดอ่านให้ละเอียด ^^

8 ข้อปฏิบัติเพื่อฝึกหาความสุข .....

1. ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ หมายความว่า จงเป็นคนตัวเล็ก อย่าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดา อย่าเป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเองมากไป

2. ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม หมายความว่า การสะสมอะไรสักอย่างนั้นเป็นภาระ ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระยกเว้นความดี นอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย

3. ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ หมายความว่า อย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบมันไม่มีจริง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่า ความสมบูรณ์แบบมีจริง

4. ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ หรือไม่ก็พูดในสิ่งที่ดีๆ หมายความว่า ถ้าอะไรไม่ดีก็อย่าไปพูดมากไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้ามันไม่ดี เป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูด เพราะการพูด หรือวิจารณ์ในทางเสียหายนั้น มีแต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำ และขุ่นมัว

5. ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ หมายความว่า เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความสุขมันก็ผ่านไป เวลามีความทุกข์ ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์ก็ผ่านไป เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น ก็ให้รู้ทันว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่กับเราจนวันตาย

6. ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องของการนินทา หมายความว่า เราเกิดมาก็ต้องรู้ตัวว่า เราต้องถูกนินทาแน่นอน ดังนั้น เมื่อถูกนินทาขอให้รู้ว่า "เรามาถูกทางแล้ว" แปลว่า เรายังมีตัวตนอยู่บนโลก คนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกา กับคำนินทาก็คือคนไม่รู้เท่าทันโลก แม้แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังนินทาลูก คนเป็นลูกก็ยังนินทาพ่อแม่ นับประสาอะไรกับคนอื่น ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้นินทาคนอื่นได้เมื่อไหร่ ค่อยมาคิดว่า เราจะไม่ถูกนินทา

7. ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป็นขี้ข้าของเงิน หมายความว่า เราต้องหัดพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ รถยนต์ใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน นาฬิกาใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน เสื้อผ้าใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน การที่คนเราจะเลิกเป็นขี้ข้าเงินได้ ต้องเริ่มจากการรู้จักเพียงพอก่อน เมื่อรู้จักพอแล้ว ก็ไม่ต้องหาเงินมาก เมื่อไม่ต้องหาเงินมาก ชีวิตก็มีโอกาสทำอะไรที่มากกว่าการหาเงิน

8. ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบ หมายความว่า การที่คนๆ หนึ่งยอมเสียเปรียบผู้อื่นบ้าง เป็นเรื่องจำเป็น ใครก็ตามที่บ้าความถูกต้อง บ้าเหตุบ้าผล ไม่ยอมเสียเปรียบอะไรเลย ไม่ช้า คนๆ นั้นก็จะเป็นบ้าสติแตก กลายเป็นคนที่ถูกทุกอย่างแต่ไม่มีความสุข เพราะต้องสู้รบกับคนรอบข้างเต็มไปหมดเพื่อความถูกต้องที่ตนเองยึดมั่นถือมั่น

      อ่านแล้ว.....อยากอ่านอีกครั้ง
........................................
ขอบคุณข้อมูลจากไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ความอดทน




" บุคคลที่ทนที่คนอื่นทนได้ยาก
ทำในสิ่งที่คนอื่นทำได้ยาก
บุคคลนั้นจะเข้าถึงความสำเร็จของชีวิต
ความอดทน ความขมขื่นจะเกิดขึ้นในเบื้องต้น
ของการทำความดี แต่จะได้รับความชื่นชม
ในบั้นปลาย"

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ธนูดอกที่สอง


    พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึง ธนูดอกที่สอง ว่า เมื่อธนูปักเข้าที่ตัวเธอ เธอย่อมรู้สึกเจ็บปวด และถ้ามีธนูดอกที่สองพุ่งเข้ามาปักที่จุดเดิม ความเจ็บปวดนั้นจะเลวร้ายขึ้นเป็นสิบเท่า

    พระพุทธองค์ทรงแนะนำว่า เมื่อเรามีความเจ็บปวดในร่างกายหรือในจิตใจ ขอให้เราตามลมหายใจเข้าและออก รับรู้สัญญาณความเจ็บปวดนั้น แต่อย่าขยายให้ใหญ่โตเกินจริง หยุดกังวลหรือกลัวจนเกินเหตุ การต่อต้านหรือโกรธในความเจ็บปวดนั้นคือการขยายความเจ็บปวดให้ใหญ่โตเกินจริง ซึ่งเธอกำลังทวีความเจ็บปวดให้เพิ่มเป็นสิบเท่าหรือกว่านั้น ความกังวลของเธอคือธนูดอกที่สอง 

   ☺เธอควรจะปกป้องตัวเธอและไม่อนุญาตให้ธนูดอกที่สองเข้ามาทำร้ายเธอซ้ำ เพราะธนูดอกที่สองนั้นมาจากเธอ☺

พระอาจารย์นัท ฮันห์
หนังสือ
your true home 
.................

https://www.facebook.com/Thai-Plum-Village-164494073612711/

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ความพอดีของชีวิต


♡❤❤♡

"พอ" เป็นสิ่งหายากในหมู่คน"โลภ"
♡❤❤♡
"นิ่ง"เป็นสิ่งหายากในหมู่คน"โกรธ"
♡❤❤♡
"หยุด"เป็นสิ่งหายากในหมู่คน"หลง"
♡❤❤♡
"ธรรมะ"เท่านั้นที่ช่วยท่านได้
♡❤❤♡

           บทพระนิพนธ์ ในสมเด็จพระญาณสังวร
             สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ห่วงใย


..๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙  วันลอยกระทง...


วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เดินทางลัดที่ปลอดภัย


ภาพจากอินเตอร์เนต

      .......ก่อนที่หลวงปู่จะกลับจากโรงพยาบาลจุฬาฯ ได้ชักชวนกันทำบุญถวายสังฆทาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่บรรพชนที่สร้างโรงพยาบาลที่ล่วงลับไปแล้ว
      เมื่อพิธีถวายสังฆทานผ่านไปแล้ว มีนายแพทย์และนางพยาบาลจำนวนหนึ่งเข้าไปกราบนมัสการหลวงปู่แสดงความดีใจที่หลวงปู่หายจากอาพาธครั้งนี้ พร้อมทั้งกล่าวปิยวาจาว่า หลวงปู่มีสุขภาพอนามัยแข็งแรงดีหน้าตาสดใสเหมือนกับไม่ได้ผ่านการอาพาธมา คงจะเป็นผลจากที่หลวงปู่มีภาวนาสมาธิจิตดี พวกกระผมมีเวลาน้อย หาโอกาสเพียรภาวนาสมาธิได้ยาก มีวิธีใดบ้างที่จะปฏิบัติได้ง่ายๆ หรือโดยย่อที่สุด
       หลวงปู่ตอบว่า
        "มีเวลาเมื่อไร ให้ปฏิบัติเมื่อนั้น การฝึกจิต การพิจารณาจิตเป็นวิธีลัดที่สุด"
......................
(จากหนังสือ หลวงปู่ฝากไว้ โดยพระราชวุฒาจารย์(หลวงปู่ดุลย์ อตุโล)

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ปฏิปุจฉา


ภาพจากอินเตอร์เนต

     ด้วยความคุ้นเคยและอยู่ใกล้ชิดหลวงปู่มาเป็นเวลานาน เมื่ออาตมาถามปัญหาอะไรท่าน หลวงปู่มักจะตอบด้วยการย้อนถามกลับคืน ทำนองให้คิดหาคำตอบเอาเอง
    เช่นถามว่า พระอรหันต์ท่านมีใจสะอาด สว่่างแล้ว ท่านอาจรู้เลขหวยได้อย่างแม่นยำหรือครับ
    ท่านตอบว่า " พระอรหันต์ท่านใส่ใจเพื่อจะรู้สิ่งเหล่านั้นเองหรือ"
     ถามว่า พระอรหันต์ท่านเคยนอนหลับฝันเหมือนคนธรรมดาด้วยหรือเปล่าครับ
      ท่านตอบว่า "การหลับแล้วเกิดฝัน เป็นเรื่องของสังขารขันธ์มิใช่หรือ"
      ถามว่า พระปุถุชนคนธรรมดายังหนาด้วยกิเลส แต่มีความสามารถสอนคนอื่นให้เขาบรรลุถึงพระอรหันต์ เคยมีบ้างไหมครับหลวงปู่
       ท่านตอบว่า "หมอบางคน ทั้งที่ตนเองยังมีโรคอยู่ แต่ก็เคยรักษาคนอื่นให้หายจากโรคได้ มีอยู่ทั่วไปมิใช่หรือ"
.........................
(จากหนังสือ หลวงปู่ฝากไว้ ของ พระราชวุฒาจารย์(หลวงปู่ดุลย์ อตุโล)
........................


วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

อุทานธรรม


(ภาพจากอินเตอร์เนต)

      ฯลฯ      
       หลวงปู่ยังกล่าวธรรมกถาต่อมาอีกว่า สมบัติพัสถานทั้งหลายมันมีประจำอยู่ในโลกนี้มานานแล้วอย่างสมบูรณ์ ผู้ที่ขาดปัญญาและไร้ความสามารถ ก็ไม่อาจจะแสวงหาเพื่อยึดครองสมบัติเหล่านั้นได้ ย่อมตนอยู่ในความฝึดเคีองและลำบากขันธ์ ส่วนผู้ที่มีปัญญามีความสามารถ ย่อมแสวงหายึดสมบัติของโลกไว้ได้อย่างมากมาย อำนวยความสะดวกแก่ตนได้ทุกกรณี          ส่วนพระอริยะเจ้าทั้งหลาย ท่านพยายามดำเนินตนเพื่อออกจากสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด ไปสู่ภาวะแห่งความไม่มีอะไรเลย เพราะว่า
      " ในทางโลก มี สิ่งที่ มี  ส่วนในทางธรรม มี สิ่งที่ไม่มี "
...............
(จากหนังสือ หลวงปู่ฝากไว้ ของ พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดุลย์ อตุโล)
................

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559

สรรเสริญพระบารมี


ภาพจากอินเตอร์เนต


ภาพบรรยากาศการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี
ของประชาชน ณ ท้องสนามหลวง รอบ 13,00 22/10/16

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2559

พุทธัง สรณํ คัจฉามิ




(ขอขอบคุณท่านที่จัดทำคริป เผยแพร่ใน Line และ Youtube )
https://www.youtube.com/watch?v=UZiR7wKkQ-U

********
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอยึดพระพุทธเป็นที่พึง
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอยึดพระธรรมเป้นที่พึ่ง
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอยึดพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
เมื่อใดแลเหล่ามนุษย์ผู้ถือตนว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ
ได้เกิดความหวาดกลัว
เกิดหัวใจสะดุ้งหวั่นไหว
เมื่อใดแลเกิดความมัวเมาจนเป็นเหตุ
แห่งความไม่สงบวุ่นวาย
เปลงไฟแห่งความมุ่งร้าย
เบียดเบียนแผดเผากระจายไป
จิตใจของมวลมนุษย์
กลับกลายไปเป็นดังเดรัจฉาน
มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
แต่ภายในแผดเผาเร่าร้อน
เมื่อนั้นขอท่านจงเปล่งคำว่า
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉาิ
ฯลฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.facebook.com/100001754871585/videos/830446947023793
https://www.youtube.com/watch?v=UZiR7wKkQ-U
และจากกัลยาณมิตร ที่ส่งทางไลน์
*************




วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559

สมาธิแบบพุทธ


ฯลฯ
         สมาธิเป็นปัจจัย แก่อะไร ? ว่าโดยหลักใหญ่  สมาธิเป็นปัจจัยแก่ปัญญา เพราะสมาธิทำให้จิตสงบ ใส และมีกำลัง.....คือจิตพร้อมที่จะทำงาน   ลักษณะสำคัญของจิตที่เป็นสมาธิ ท่านเรียกว่าเป็น กัมมนิยังหรือกรรมนีย์ นี่แหละเป็นตัวสำคัญที่พระพุทธเจ้าต้องการ คือจิตเป็นสมาธิปุ๊บก็เป็นกัมมนิยังทันที  กัมมนิยังหรือกรรมนีย์ แปลว่า  เหมาะแก่การใช้งานจึงต้องเอาไปใช้ อย่าไปหยุดอยู่ถ้าเป็นสมาธิแล้วหยุดสบาย ก็แสดงว่าพลาดแล้ว พระพุทธเจ้าให้เอาจิตที่เป็นกรรมนีย์นี้ไปใช้งาน...ใช้งานอะไร....ไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ และปัญญา   สมาธิเป็นองค์ที่ ๒ ส่งผลหนุนเนื่องให้เกิดปัญญา....
ฯลฯ
...........
จากหนังสือ สมาธิแบบพุทธ โดย พระพรหมคุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตฺโต

****************



(จากซีดีธรรมบรรยาย หลักพุทธศาสนาต้องศึกษาให้ชัด หัวข้อสมาธิแบบพุทธ)

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2559

จิตใจของขาวพุทธ



ธรรมสมาธิ ๕
     ธรรมที่ทำให้เกิดความมั่นสนิทในธรรม เกิดความมั่นใจในการปฏิบัติธรรมถูกต้อง กำจัดความข้องใจสงสัยเสียได้ เมื่อเกิดธรรมสมาธิ คือความมั่นสนิทในธรรม ก็จะเกิดจิตสมาธิ คือความตั้งมั่นของจิต
    ๑.ปราโมทย์  ความชื่นบานใจ ร่าเริงสดใส
    ๒.ปิติ ความอิ่มใจ ความปลื้มใจ
    ๓.ปัสสัทธิ ความสงบเย็นกายใจ ความผ่อนคลายรื่นสบาย
    ๔.สุข ความรื่นใจไร้ความขัดข้อง
    ๕.สมาธิ ความสงบอยู่ตัวมั่นสนิทของจิตใจ ไม่มีสิ่งรบกวนเร้าระคาย

..........................
(จาก พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2559

บุญที่ไม่ต้องขอจากพระ


" บุญ " ที่ไม่ต้องขอจากพระ
เราจาคะด้วยน้ำใสใจบริสุทธิ์
จากการกระทำอ้นนี้
ก็เป็นผลให้เกิดความอิ่มเอิบเบิกบาน
ขึ้นในใจของเรา
นั่นคือ " ตัวบุญ "
เรามิได้ไปขอบุญจากพระ
แต่บุญเกิดขึ้นในใจของเราเอง
***********
มรดกธรรม
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี


วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ผู้รับผลกรรม..ใจ!!


ผู้รับผลกรรม
พูดตามข้อเท็จจริงแล้ว
เราคือธาตุสี่
ดิน น้ำ ไฟ ลม ผสมกัน
เป็นก้อนขึ้นมาแล้ว
แตกสลายดับไปเท่านั้น
ไม่มีสาระอะไรเลย
ใจเป็นผู้มาครอบครองรูปอันนี้
จึงทำให้เคลื่อนไหวได้
เมื่อก้อนอันนี้แตกดับไปแล้ว
ใจก็ไม่สามารถจะใช้ก้อนอันนี้ได้
กรรมคือสิ่งที่ใจ ใช้ให้ก้อนอันนี้
กระทำทั้งดีและชั่ว นั้น
เมื่อก้อนอันนี้แตกดับแล้ว
ใจย่อมรับผลกรรมนั้นแต่ผู้ดียว
.........
มรดกธรรม
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี


วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559

พุทธพจน์...พุทธวจน...


ฯลฯ
  .......คุณจะเอาพุทธวจนแท้ๆ คุณต้องอ่านบาลี พูดบาลี สวดบาลี นึกเป็นภาษาบาลี คิดเป็นภาษาบาลี....ห้ามเป็นภาษาไทยเด็ดขาด........ถ้าคุณจะเอาพุทธวจนแท้ๆ...
  .......ในสมัยพุทธกาล มีภิกษุรูปหนึ่ง ไปแสดงพุทธวจนผิดๆ ...ตายจากชาตินั้นแล้วไปเกิดเป็นปลาปากเป็ด...ชาวประมงไปตกปลาได้ปลามาตัวหนึ่งสีทองสวยงาม พอมันอ้าปากกลิ่นเหม็นคลุ้งเลย...นี่คือผลที่แสดงพุทธวจนแบบผิดๆ...ผู้เที่ยวไปปฏิเสทว่าพุทธวจนอันนี้ใช่อันนี้ไม่ใช่...นั้นเสียหายมาก...แล้วคุณจะได้รับอกุศลกรรม หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งว่า  ตัวเองตกนรกแล้ว  ยังนำคนอื่นให้ตกนรกตาม.....
.......ขอให้เข้ามาศึกษาเสียก่อนอย่าไปเที่ยวว่าสถาบันโน้นสอนไม่ใช่พุทธพจน์ สถาบันนี้สอนไม่ใช่พุทธพจน์ ...แล้วไปเอาพระไตรปิฎกฉบับแปล มาว่านี่คือพุทธพจน์  ....พระพุทธเจ้าไม่ได้พูดภาษาไทย....นี่เป็นประเด็นที่สำคัญมาก..ขอให้ทุกท่านจงสังวร  ระวังบุคคลผู้สอนศาสนา.....ฯลฯ

(จากยูทูป  https://www.youtube.com/watch?v=mPDgR_fwk4I)



................




วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ควรกลัวความเกิด


มนุษย์สัตว์ทั้งหลายกลัวความตาย
แต่ยินดีกับความเกิด
เมื่อเกิดแล้วไม่ตายไม่มี ต้องตายแน่ๆ
ผู้กลัวความตายจึงต้องชำระโมหะ อวิชชา
ที่หุ้มห่อจิต อันเป็นต้นเหตุให้หมดจด
จึงจะไม่เกิดไม่ตายอีก
ควรจะกลัวความเกิด
อย่าไปกลัวความตาย จึงจะถูก

**********
มรดกธรรม
หลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี


วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บุญที่แท้จริง...


บุญที่แท้จริงเป็นอย่างไร
......
พูดกันตามภาษาชาวบ้าน
บุญที่แท้จริงนั้น
ไม่เมา ไม่อาจจะเมา
......
ถ้าเมาได้
จะเกิดปัญหาจากการ"เมาบุญ"
บุญนั้นไม่ใช่บุญอันแท้จริง
......
บุญนั้นล้างบาป ล้างความเมาได้
จึงจะเป็นบุญที่แท้จริง
......
บุญที่แท้จริงไม่ต้องเสียเงิน
ไม่ต้องใช้เงินมาก
จนถึงกับพูดได้ว่า..นิพพาน..
เป็นของให้เปล่าๆ ไม่คิดสตางค์
......
บุญที่แท้จริงนั้น
จะไม่ทำให้เสียเศรษฐกิจของประเทศชาติ
........
ถ้าเสียเศรษฐกิจของใครแล้วไม่ใช่บุญ
ฯลฯ



*****************

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เรามาจากไหน..


....สองวันก่อน กัลยาณมิตร ส่งไลน์มาให้ ...ต้องขออนุโมทนา ท่านที่จัดทำ(ขออภัยที่ไม่ได้กล่าวนามท่าน ..เพราะไม่ทราบนามท่าน).. ..และขออนุญาตนำมาเผยแพร่เป็นธรรมทาน...ครับ.

********
คนเราเกิดมาด้วยความไม่รู้
หากไม่พบพระพุทธศาสนา
และไม่ได้ฟังธรรมะดีๆ
ของสัมมาสัมพุทธเจ้า
ก็จะไม่รู้ว่า
คนเราเกิดมาทำไม
เรามาจากไหน
ฯลฯ



*****************

ย่างไปทางนี้จะได้ไม่เสียเวลา (คลิก)

**********


วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2559

..จงใช้ชีวิตของตนเองอย่างเป็นอิสระ...


   ...จำไว้ว่า  เส้นทางของเราไม่ได้ทำให้พวกท่านทั้งหลาย จะละทิ้งโลกนี้ไป   เราไม่เชื่อในโชคชะตาที่ไม่พึ่งพากรรม...เราเชื่อในโชคชะตาที่มนุษย์นั้นเป็นผู้สร้างขึ้นมา และเขาจะต้องรับผลการกระทำของตัว... 


  ...พวกเราทำให้โลกที่เคารพ  เต็มไปด้วยความทุกข์  ทั้งโลกทรมานกับความเศร้าและเจ็บปวด...แต่ว่าโลกนี้ไม่ใช่ที่สำหรับความเจ็บปวดทรมาน  ที่นี่สามารถเป็นที่พักของสาวกพุทธะ  แต่การจะทำแบบนั้น  เราต้องปลุกความรู้ให้กับทุกคน และนั่นก็คือหน้าที่ของพวกท่านทั้งหลาย... 


 ...ความไม่รู้..สร้างความเจ็บปวด โศกเศร้าและมายา  ความโกรธ ความโลภ ความอวดดี ความถือดี ความริษยา คือผลพวงของความไม่รู้    มายาแสดงแต่เรื่องไม่ดีล่อหลอกเรา  แต่ชีวิตและความตายนั้นไม่ต่างกัน  เป็นสิ่งเดียวกัน  เราต้องล้างภาพมายาออก  เมื่อใดก็ตามที่ภาพมายาหายไป พวกเราจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปัจเจก โดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด...



...ศีล สมาธิ และปัญญา การใช้หนทางความดับทุกข์ หรือมรรค ๘ ช่วยให้กำจัดภาพมายาไปได้  เราขอย้ำกับพวกท่านว่า....ด้วยการรู้ชอบ  ด้วยการคิดชอบ  ด้วยการเจรจาชอบ  ด้วยการปฏิบัติชอบ  ด้วยการเลี้ยงชีพชอบ ด้วยการเพียรชอบ ด้วยการมีสติชอบ และด้วยการมีสมาธิชอบ...........
...คนที่นอนไม่หลับนั้น สำหรับเขากลางคืนย่อมยาวนาน..
...คนที่เหนื่อย สำหรับเขาจุดหมายย่อมอยู่ไกล..
...คนที่ใช้ชีวิตอย่างมืดบอดและไม่เข้าใจความดีงาม ชีวิตของเขาจะมีแต่ความทุกข์................
...ความรู้ใดก็ตาม ไม่ว่าจะอ่านจากตำราหรือถูกผู้มีปัญญาพร่ำสอนก็ตาม หรือแม้แต่สิ่งที่เราพูดให้ฟังก็ตาม จงอย่าเชื่ออะไรโดยง่าย   จนกว่าจะทดสอบด้วยความรู้ของตัวเอง และปัญญาของตัวเองเสียก่อน...............


...หากพวกท่านได้พบใคร บนเส้นทางตรัสรู้ อย่ายอมรับเขาอย่างง่ายดาย แม้พวกท่านจะพบพุทธะระหว่างทาง ก็จะถูกเขาลวงตาได้   ต่อให้ท่านพบพ่อตัวเองระหว่างทาง   ก็อย่าให้เขาเบี่ยงเบนท่านได้   จงใช้ชีวิตของตนอย่างเป็นอิสระ   อย่าได้ยึดติดกับผู้ใด.......................
************
(จาก  ยูทูป พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก )