หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ข้าวเย็น


      ทุกๆวันเขาต้องมาที่นี้ ชายเกษียณอายุเปิดประตูหน้าบ้านอย่างคุ้นเคย บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ภรรยาและลูกชายคนเล็กเขาอาศัยอยู่ ตัวเขาเองอาศัยอยู่อีกหลังหนึ่งในหมู่บ้านเดียวกัน วันนี้เป็นวันเดิม ๆ อีกวันหนึ่ง เมื่อเขาเปิดประตูเข้ามาในบ้าน เขาไม่ได้ทักทายใคร ตรงเข้าไปในครัวหยิบชามใบใหญ่สีขาวประจำตัว คดข้าวจากหม้อใส่จานเปิดตู้เย็น มองหาหอมและกระเทียม หยิบมาได้สามสี่หัว ล้างน้ำอีกหนึ่งรอบ แล้วหั่นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ โรยไปที่ข้าว คลุกให้เข้ากัน ถ้าวันนั้นภรรยาทำแกงส้ม เขาจะตักน้ำแกงส้มใส่เข้าไปหน่อย พอเรียบร้อยก็ถือชามข้าวมานั่งหน้าโต๊ะวางคอมพิวเตอร์ประจำตัว เปิดคอมพิวเตอร์แล้วเชื่อมต่อเข้าโลกออนไลน์ เขาเล่นคอมไปพร้อม ๆ กับกินข้าว ฟังธรรมะบ้าง เล่นเฟซบุ๊คบ้าง เขียนบล็อกบ้าง
      หลังจากเกษียณราชการมาได้สองสามปี เขาพบว่าโลกของตัวเองเปลี่ยนแปลงไปมากจากที่ต้องทำงาน เขาได้มีเวลาเป็นส่วนตัวมากขึ้น ลูกชายคนโตเพิ่งแต่งงานไปได้สองสามปียังไม่มีหลานเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดูแลลูกเหมือนเด็กเล็กๆ อีกต่อไป พ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ที่ต้องดูแลก็เสียไปหมดแล้ว เขาใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างอิสระ แม้ว่าจะมาที่บ้านภรรยายแทบทุกวัน แต่เขาก็ไม่เคยที่จะเริ่มต้นสนทนากับภรรยาหรือลูกเลย เขาจะคุยกับคนในเนตมากกว่า เพื่อน ๆ วัยเกษียณหลายคน เริ่มหันมาเรียนรู้การใช้งานอินเตอร์เนตมากขึ้น ทำให้เขามีเพื่อนที่พูดคุยด้วยทางสังคมออนไลน์มากมาย ตัวเขาเองก็เพิ่งหันมาใช้สื่อสังคมออนไลน์ได้ไม่นาน เขาเรียนรู้ฝึกฝนการใช้งานอย่างจริงจังไม่จำเป็นต้องถามใคร เขาจะนั่งเงียบๆอยู่ในมุมหนึ่งของบ้าน เขามีซีดีธรรมะเป็นเพื่อน เสียงสวดมนต์ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้บ้าง
     ชายสูงวัยที่ใคร ๆ เห็นเขาวันนี้ในอดีต เขาเป็นเพียงเด็กชายธรรมดา ๆ เติบโตมาในครอบครัวที่ฐานะค่อนข้างยากจน หกสิบกว่าปีที่แล้วความสะดวกสบายเป็นสิ่งที่เขาไม่รู้จัก พ่อของเขาเป็นอดีตทหารชั้นผู้น้อย ส่วนแม่ทำงานรับจ้างทั่วไป พ่อแม่เลี้ยงเขามาอย่างอดทน เขาเป็นลูกคนรอง มีพี่ชายคนโตและน้องสาวอีกห้าคน บ้านหลังใหญ่สร้างด้วยไม่ใต้ถุนสูงตั้งอยู่ริมคลอง อาหารการกินไม่ได้อดมื้อกินมื้อ แต่ก็ไม่ได้เป็นอาหารดีเลิศอะไร อาศัยเก็บผักหาปลาริมคลอง
      วัยเด็กเขาเห็นพ่อแต่งชุดทหารไปทำงานทุกวัน พ่อมักจะนั่งผูกเชือกรองเท้า เขาดูพ่อผูกเชือกรองเท้าทุกวัน ตกเย็นมาเห็นพ่อตั้งวงเหล้า และเป็นนักเล่นตัวยง พ่อชอบเล่นเสี่ยงโชคหวังรวยทางลัด ขณะที่แม่ทำงานรับจ้างอย่างขยันอดทน รับจ้างทุกอย่างที่พอจะทำได้ แต่สิ่งที่แม่ติดหนักหนาคือติดหวย ต้องเล่นเกือบทุกงวด เงินที่พอจะส่งลูกเรียนหนังสือได้ก็หาหยิบยืมเขาบ้าง ชักหน้าไม่ถึงหลัง เขากับพี่น้องพยายามอดทนเรียนหนังสือ โชคดีที่เขาเป็นเด็กรักเรียน สอบได้ที่หนึ่งของโรงเรียนประจำอำเภอ ด้วยความที่ฐานะทางบ้านยากจน เขาสมัครเป็นทหาร ค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนก็ไม่แพงพอจบมามีงานทำทันที เขาหวังแต่ว่าจะเลี้ยงตนเอง เลี้ยงครอบครัวให้ได้ก็เท่านั้น
       กลับบ้านจากฝึกทหารครั้งใดก็เห็นพ่อตั้งวงเหล้า เข้าวงไพ่ แต่เขาก็ยังมีช่วงเวลาที่เป็นความทรงจำดี ๆ  ระหว่างเขากับพ่อ สิ่งที่เขาจำได้ขึ้นใจเสมอช่วงน้ำหลากวันลอยกระทง พ่อจะพาลูก ๆ ทุกคนขึ้นเรือตอนค่ำ ๆ ออกไปลอยกระทงกัน พ่อชอบเล่านิทานให้ลูก ๆ ฟัง นิทานแต่ละเรื่องของพ่อให้ข้อคิดสอนใจที่ทำให้เขามีกำลังใจเข้มแข็ง
      " ตัวเล็กค่อย ๆก้มตัวลงไป เอากระทงปล่อยลงเบา ๆ อย่าโยนล่ะ "
      " หนูทำได้แล้ว " เขาจำได้ว่าเรียกแทนตัวเขาว่าหนู  ตัวเขาเล็กกว่าพี่น้องคนอื่น ๆ พ่อจึงเรียกเขาว่าตัวเล็กมาตลอด ไม่มีชื่อเล่น น้อง ๆ ผู้หญิงจะสนุกสนานกับวันลอยกระทงมาก เป็นวันที่ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาล้อมวงกินข้าวด้วยกัน พอเริ่มโตโอกาสในการลอยกระทงด้วยกันก็น้อยลง พ่อเริ่มทุ่มเทในการ"เล่น" มากขึ้น สำหรับเขาก็ออกจากบ้านมาตั้งตัวด้วยตนเอง  เขามีเพื่อนมากมาย หลังเลิกงานเพื่อน ๆ ชวนเขาไปเฮฮาด้วยทุกครั้ง  แต่สิ่งที่เขาไม่เคยแตะต้องเลยคือของมึนเมาต่าง ๆ เขาร่วมวงสังสรรค์ คุยกับเพื่อนได้อย่างไม่เคอะเขิน เขาจิบเพียงน้ำอัดลมหรือน้ำแข็งเปล่า เขาให้เหตุผลกับเพื่อนว่าเขาแพ้ของมึนเมา กินแล้วฝื่นขึ้นเต็มตัว จับไข้ไปหลายวัน จึงไม่อยากเสียการเสียงาน เพื่อนที่ใกล้ชิดรู้ดี จึงไม่มีใครรบเร้าให้เขาต้องกินเหล้า
     หลังจากจบจากโรงเรียนทหารชั้นผู้น้อย เขาก็ได้บรรจุไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด หนักเอาเบาสู้ ทำงานเลี้ยงตัวเองส่งเงินกลับมาบ้าน ช่วยแม่ส่งน้องผู้หญิงเรียนหนังสือ ยศก็เริ่มจากชั้นผู้น้อย จนค่อยไต่ระดับขึ้นมา ทุกครั้งเขากลับบ้าน แม่ยังคงทำกับข้าวในครัว เสียงทำกับข้าวของแม่เป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยมาตลอด  ส่วนพ่อเขาเห็นหน้าพ่อน้อยมาก พ่อหลับบ้างหรือบางทีก็ออกไปเล่นจนดึกดื่น ตอนเช้าก็แทบจะตื่นไปทำงานไม่ไหว นอกจากจะเป็นนักเล่นแล้ว พ่อยังมีผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แม่ ถึงแม้จะไม่ได้พาพวกผู้หญิงเหล่านั้นเข้าบ้าน แต่เขาก็ลือกันไปทั่วว่าพ่อเป็นคนเจ้าชู้ แต่พ่อกับแม่ก็ไม่เคยเลิกกันต่อให้แย่แค่ใหน พ่อก็หอบสังขารมาบ้านตัวเองทุกวัน
      " แม่ๆ หนูกลับมาแล้วนะ" ประโยคนี้เขาตะโกนบอกก่อนเข้าบ้านทุกครั้ง แม่โผล่หน้าจากบ้าน ยิ้มยิงฟันจนเห็นน้ำหมากเลอะเปรอะเปื้อน เขาเพิ่งสังเกตุว่าแม่แก่ลงไปมาก ขณะที่ตัวเองจากหนุ่มน้อยก็เข้าสู่เบญจเพศพอดี เขาทำงานได้สักพัก ระหว่างเป็นทหารก็พยายามหาเงินส่งตัวเองจบปริญญาตรี แม่ภูมิใจมาก ติดรูปของเขาไว้ที่ข้างฝาบ้าน รวมกับรูปของพี่ชายที่ก็ได้รับปริญญาแล้วเช่นกัน มีรูปของน้อง ๆ ที่ทยอยจบชั้นประถมและมัธยม เรื่องเรียนของลูก ๆ เป็นสิ่งที่แม่เคยต้องจ้ำจี้จ้ำไช ทุกคนขยันเรียน การทำงานของแม่ไม่สูญเปล่า แต่สิ่งที่แม่ยังเลิกไม่ได้ก็คือหวย เขาพยายามขอร้องให้แม่เลิกติดหวย แต่แม่ก็ผัดผ่อน และบอกว่าเล่นน้อยลงแล้ว
       " ปีนี้มีเวลาบวชให้พ่อกับแม่บ้างไหม แม่อยากให้ตัวเล็กบวชนะ " พอมีเวลาที่เขากับแม่ได้คุยกัน แม่มักจะคุยเรื่องอยากให้เขาบวชสักสิบห้าวัน
        " ช่วงนี้ย้งไม่ได้หรอก ช่วงนี้ยังต้องทำงานหาวันลาไม่ได้เลย หนูกำลังพยายามสอบเลื่อนยศอยู่แม่ อีกสักพักนะ "
       " อย่าให้แม่แก่ตายก่อนล่ะ ถึงจะได้เห็นตัวเล็กบวช พ่อก็ถามอยู่ตลอด "
       " พ่ออยู่ไหน อย่าบอกนะว่าเหมือนเดิม "
       แม่ไม่ตอบอะไรอีก  เลี่ยงออกไปเตรียมข้าวเย็น น้องสาวทยอยกลับมาจากโรงเรียน วันนี้เป็นวันที่ครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากินข้าวเย็นกัน แม่ปูเสื่อ ตั้งวง ลำเลียงกับข้าวสองสามอย่าง จานชาม น้ำลอยน้ำแข็งใส่ขันเย็น ๆ ทุกคนพร้อมหน้า ยกเว้นพ่อ แม่บอกไม่ต้องรอลงมือกินกันได้เลย เขากินได้ไม่กี่คำก็ลุกออกจากวง บอกแม่ว่าจะไปตามพ่อ แล้วจึงเดินลงจากเรือน ลัดเลาะไปทางด้านหลังบ้าน บ้านในชุมชนต่างจังหวัดมักจะไม่มีรั้วบ้านเขาลัดเลาะไปเรื่อย ๆ ช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูน้ำหลาก จึงไม่ต้องพายเรือ เดินไปสักพักก็เข้าเขตบ้างหลังหนึ่ง ใต้ถุงสูงมีเรือเก็บอยู่ใต้ถุนสองสามลำ ตรงตีนบันไดมีรองเท้าหลายคู่วางเรียงรายอยู่หน้าบ้าน
        "พ่อ ๆ หนูมาแล้ว กลับมาบ้านกินข้าวเย็นด้วยกันนะ "
        " เฮ เฮ ตาข้าบ้างแล้ว " พ่อเงยหน้ามาจากวงไพ่
        " อ้าว ไอ้ตัวเล็กกลับมาแต่เมื่อไหร่ "
        " หนูมาตามพ่อไปกินข้าว "
        " ข้า ไม่กินกำลังติดพันอยู่ "
     เขาไม่อยากเซ้าซี้ พ่อเป็นแบบนี้ทุกทีเล่นจนลืมเวลา เล่นจนลืมหิว เขาทำอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยให้พ่อทำในสิ่งที่พ่อสบายใจ เขายังจำภาพพ่อในสมัยหนุ่ม ๆ ได้เสมอ พ่อขยันขันแข็งมีเวลาให้ลูก ๆ เสมอ ถึงแม้ว่าฐานะจะไม่ร่ำรวย แต่เขารู้สึกถึงความเป็นครอบครัวที่อบอุ่น  มาระยะหลัง ๆ พ่อเริ่มเล่นมากขึ้น พ่อต้องการเสี่ยงโชค เพื่อให้ฐานะตัวเองร่ำรวย แต่การพนันไม่เคยทำให้ใครร่ำรวย พ่อใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเทกับการเล่น อาชีพการงานของพ่อจึงไม่ค่อยก้าวหน้า พ่อทำงานไปวัน ๆ ตกเย็นก็รีบเข้าวงไพ่  ถ้าเงินเดือนออกก็จะเป็นวันที่รู้กันว่าพ่อจะกลับดึกแน่นอน พอเงินหมด พ่อก็หาทางหยิบยืมเงินชาวบ้าน พอไม่มีเงินใช้คืน ชาวบ้านก็จะแห่มาทวงเงินที่บ้านกับแม่ ถ้าแม่ไม่มีเขาก็ต้องรับภาระเป็นคนตามใช้หนี้ให้กับพ่อ เขาอดทนทำไม่เคยปริกปากบ่น
       การกลับบ้านวันหยุดสุดสัปดาห์ จึงมักจะไม่ใช่วันหยุดที่เขารอคอย เพราะกลับมาทุกครั้งก็จะเห็นพ่อเป็น"ผู้เล่น " คนสำคัญของวงไพ่ พ่อไม่กินข้าวกินปลา ไม่มีใครไปฉุดพ่อมาจากวงไพ่ได้ แม่ต้องคอยหาน้ำหาข้าวส่งให้พ่อที่กำลังติดเกมการพนันอย่างหนัก พ่อผ่ายผอมลง ระยะหลังเงินเดือนของพ่อทุกบาททุกสตางค์ไม่เคยตกถึงมือแม่ แม่เองก็ต้องรับจ้างทำงานต่าง ๆ มากขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้ว่าแม่จะติดหวย แต่แม่ก็พยายามไม่เล่นมาก เพราะแม่รู้ว่ามีอีกหกชีวิตที่แม่ต้องดูแล เขาเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น จะเรียกว่าบ้านไม่ได้ มันคือ "บ่อน " ที่ทำลายชีวิตของคนมานักต่อนักแล้ว
        " แม่บอกตัวเล็กว่าไม่ต้องไปตามพ่อ"
        " หนูอยากให้พ่อมากินข้าวเย็นกับพวกเรา นาน ๆ ทีเราจะได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน "
        แต่การกินข้าวเย็นพร้อมหน้ากันเดือนละครั้งยังเป็นไปไม่ได้เลย เขารู้ตัวดีว่าตัวเองร่ำร้องเรียกหาถึงวันคืนเก่า วันที่พ่อแม่ลูกกินข้าวเย็นด้วยกัน เขามักจะมองเห็นภาพพ่อที่เป็นผู้พายเรือลำใหญ่ในคืนน้ำหลาก พาลูก ๆ ออกไปลอยกระทงยามค่ำคืนด้วยกัน ทุกครั้งที่เขากลับมาบ้าน เขาก็รับรู้เรื่องราว"การเล่น" ของพ่อจากคนรอบตัวจนอายุของเขาแตะเลขสาม พ่อก็ยังเป็นผู้เล่นคนสำคัญจนร่างกายไม่ไหว
        เขายังจำวันนั้นได้ดีเขากลับมาบ้านเหมือนเคย คนจากบ่อนมาตามเขาและแม่ที่บ้าน พ่อนั่งเล่นอยู่ดี ๆ ก็ฟุบคาวงไพ่ เขาหน้าตาตื่นก้าวกระโดดลงบันไดบ้านรีบรุดไปที่เกิดเหตุ ช่วยกันแบกหามพ่อไปโรงพยายาบาล พ่อเข้าไอซียูอยู่หลายวัน พ่อไม่กินข้าวมาสามวันเต็มๆ  จานอาหารที่แม่เอาไปให้ทิ้งเน่าเหม็นบูดอยู่ข้างวงไพ่  แม่ เขา และน้อง ๆ ผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลพ่อ แล้วพ่อก็จากไป จากไปโดยที่ไม่ได้บอกลาพวกเราแม้แต่น้อย แม่ร้องไห้อย่างหนัก เขาซะอีกไม่มีน้ำตาให้เห็นเลย ข้างในมันจุกจนพูดไม่ออก พ่อเล่นไปเพื่ออะไร ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ดี แต่ผู้ใหญ่หลายคนก็ยังเลือกที่จะทำ
        จะกี่เดือนกี่ปีผ่านไป ยังเป็นวันที่เขาจำได้ไม่เคยลืม เขาปฏิญาณกับตัวเองไว้ เขาจะไม่แตะต้องการพนัน ไม่แตะต้องของมึนเมา จะไม่เป็นอย่างพ่อเด็ดขาด ตัวเขาเองในวันนี้พยายามสร้างครอบครัวที่มีความสุข พยายามที่จะให้ความรักความใส่ใจดูแลลูกและภรรยาอย่างเต็มที่  แต่ก็มีบางอย่างขาดหายไป เขาพอใจที่นั่งกินข้าวเย็นคนเดียว ถึงแม้ภรรยาและลูกจะพยายามชักชวนให้มากินข้าวเย็นด้วยกันก็ตาม แต่เขาก็ไม่เคยร่วมวงกินข้าวเย็นกับใคร ภาพในวันเก่ามักจะวนเวียนเข้ามาในหัวเขาอยู่เสมอ เขาอยากจะสร้างภาพครอบครัวให้สมบูรณ์แบบนั้นอีกครั้ง แต่เขาก็ทำไม่ได้
        ชายสูงวัยเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ พร้อมกับตักข้าวจากชามใบใหญ่สีขาวเข้าปาก เขาชอบกินข้าวเย็นคนเดียว
*********
(จากหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ วันอาทิตย์ที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๘   หน้าวรรณกรรม เรื่องสั้นไทย  ข้าวเย็น  โดย   ศุภมณฑา สุภานันท์)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น