หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สีของใจ


ใจต่างผิวจึงทำให้โลกแบ่งแยก
       คนในส่วนต่าง ๆ ของโลก มีวรรณะ คือผิวต่างกัน เช่น ผิวดำ ผิวขาว ผิวเหลือง และมีการถือผิวกัน เช่น คนผิวขาวดูหมิ่นเหยียดหยามคนผิวดำ  ทั้งในปัจจุบันนี้ ซึ่งต้องการให้ทุก ๆ คน ทุก ๆ ผิว มีสิทธิแห่งความเป็นมนุษย์เสมอกัน ก็ยังมีข่าวว่าได้มีการรังเกียจผิวแม้ในประเทศที่เจริญ นอกจากนี้ในบางประเทศ เช่น ในชมพูทวีปสมัยโบราณ (คือ อินเดีย ปากีสถานในปัจจุบัน)ก็ได้มีการแบ่งวรรณะเป็นอันมาก ในปัจจุบันนี้ แม้จะต้องการไม่ให้มีการถือผิวกาย ก็มี การแบ่งผิวทางการเมือง เกิดขึ้นแทนอย่างรุนแรง
        การถือผิวต่าง ๆ นี้ ถ้ามีมูลเหตุเกิดจากผิวกายเพียงอย่างเดียวก็แก้ได้ง่าย แต่ถ้ามีมูลเหตุเกิดจากกิเลสในใจคน เช่น อหังการ(การทำให้เป็นเรา) เช่นว่า เราต้องใหญ่โตข่มผู้อื่นลงให้ได้ ก็เป็นสิ่งที่แก้ยาก ฉะนั้น ผิวของใจนี่แหละจึงสำคัญกว่าผิวกาย  เมื่อผิวของใจเป็นอย่างไร ก็แสดงออกมาเป็นอย่างนั้น เป็นดังนี้เหมือนกันแก่คนทุกชาติชั้นวรรณะ
       พระพุทธเจ้าทรงแบ่งบุคคลในโลกออกเป็น ๖ จำพวก ตามสีผิวของใจ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรด ฯ ให้เขียนเป็นภาพอธิบายความหมายไว้ที่ต้นเสาในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร ดังนี้
           ๑. กัณหาภิชาติ ชาติคนดำ คือใจหยาบช้าทารุณ เช่น พรานใจบาปต่าง ๆ (ตลอดถึงล่า ฆ่าสัตว์เล่นเป็นการสนุก)
           ๒. นีลาภิชาติ ชาติคนเขียว คือคนที่มีใจประกอบด้วยยุติธรรมมากขึ้น เช่น พิจารณาก่อนจึงนำไปลงโทษ
           ๓.โลหิตาภิชาติ ชาติคนสีเลือด คือคนมีจิตใจสูงขึ้นใฝ่หาศาสนาที่ถูกต้อง เหมือนดัง กษัตริย์ พราหมณ์ พ่อค้า คนรับใช้  กำลังเดินไปเฝ้าพระพุุทธเจ้า
          ๔.หลิททาภิชาติ ชาติคนเหลือง คือคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น เช่น ผู้มีศีลธรรม เปรียบเหมือนคนนุ่งขาวห่มขาวหรืออุาสกอุบาสิกา
          ๕.สุกกาภิชาติ ชาติคนขาว คือคนที่มุ่งปฏิบัติให้ละเอียดยิ่งขึ้นกว่าคฤหัสถ์ เหมือนอย่างพระภิกษุสงฆ์ ฤาษีหรือนักบวชผู้ปฏิบัติชอบทั่วไป
          ๖.ปรมสุกกาภิชาติ ชาติคนขาวอย่างยิ่ง คือ ท่านผู้บริสูทธิ์ทั้งหมด ได้แก่ พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย
           รวมเรียกว่า ฉฬาภิชาติ อภิชาติ ๖ ย่นลงเป็น ๓ คือ
          ๑.กัณหะ คนดำ ได้แก่คนชั่วโดยส่วนเดียว
          ๒.กัณหะสุกกะ คนดำ ๆ ขาว ๆ ได้แก่คนทำชั่วบ้างดีบ้าง
          ๓.สุกกะ คนขาว ได้แก่คนที่บริสุทธิ์โดยส่วนเดียว
          คนสามัญทั่วไปอยู่ในประเภท ๒ แต่บางคนขาวแล้วค่อย ๆ ดำ เป็นคนต้นตรงปลายคด  บางคนดำแล้ว ค่อย ๆ ขาว เป็นคนต้นคดปลายตรง พระพุทธเจ้าได้ทรงอบรมพระบารมีสูงขึ้นโดยลำดับ จึงได้ทรงเปลี่ยวผิวของใจให้สูงขึ้น จนถึงขาวอย่างยิ่ง จะเรียกว่าลอกผิวออกหมดก็ได้ เพราะขาวอย่างยิ่งนั้นไม่ควรนับว่าเป็นสีอะไร
******
(จาก หนังสือ โลกและชีวิตในพุทธธรรม พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น