...พระพุทธคุณบทนี้ ซึ่งประกอบด้วยคำว่า สัมมา
สัง และ พุทธะ สัมมา นั้นแปลว่าโดยชอบ สัง แปลว่า สามัง คือเอง พุทธะ ก็ตรัสรู้
รวมกันเป็นสัมมาสัมพุทธะที่แปลว่าผู้ตรัสรู้โดยชอบและเอง
หรือแปลว่าผู้ตรัสรู้เองโดยชอบก็ได้
คำว่าโดยชอบนี้มีความหมายถึงว่า
ความตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นความตรัสรู้โดยชอบคือถูกต้อง
และมีความหมายอีกอย่างหนึ่งว่า เป็นความตรัสรู้โดยชอบที่มีพยาน
หรือผู้รับรองในความตรัสรู้นั้น ว่าเป็นความตรัสรู้โดยชอบหรือถูกต้อง
ความหมายประการแรกว่าโดยชอบหรือถูกต้อง ก็หมายถึงว่า
ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านั้นเป็นความถูกต้อง ที่อาจยกเอา สัมมัตตะ คือความเป็นสิ่งถูกต้อง
หรือความเป็นสิ่งชอบ ซึ่งได้ตรัสแสดงไว้ ๑๐ ประการ คือมรรคมีองค์ ๘ อันได้แก่สัมมาทิฏฐิความเห็นชอบ
สัมมาสังกัปปะความดำริชอบ ทั้ง ๒ นี้รวมเข้าเป็นปัญญา สัมมาวาจาเจรจาชอบ
สัมมากัมมันตะการงานชอบ สัมมาอาชีวะเลี้ยงชีวิตชอบ ๓ นี้รวมเข้าเป็นศีล
สัมมาวายามะเพียรชอบ สัมมาสติระลึกชอบ สัมมาสมาธิตั้งใจชอบ ๓ นี้รวมเข้าเป็นสมาธิ
หรือจิตตสิกขา จึงรวมเข้าเป็นปัญญาหรือปัญญาสิกขา
รวมเข้าเป็นศีลหรือสีลสิกขา รวมเข้าเป็นสมาธิหรือจิตตสิกขา นี้เป็น ๘ กับอีก ๒ คือ สัมมาญาณะ ความหยั่งรู้ชอบ สัมมาวิมุติ ความพ้นชอบ สัมมาญาณะความหยั่งรู้ชอบนั้น
ก็อาจยกญาณ ๓ ขึ้นแสดงได้
คือญาณความหยั่งรู้ที่ระลึกขันธ์เป็นที่อาศัยอยู่ในกาลก่อน คือระลึกชาติได้
ญาณที่หยั่งรู้ความจุติคือความเคลื่อน
อุปบัติคือความเข้าถึงภพชาตินั้นๆของสัตว์ทั้งหลาย
และญาณคือความหยั่งรู้เป็นเหตุสิ้นอาสวะกิเลสที่ดองจิตสันดาน
สัมมาวิมุติหรือวิมุติความหลุดพ้นชอบ
ก็คือความหลุดพ้นจากกิเลสและกองทุกข์ทั้งปวงสิ้นเชิง
รวมเป็นสัมมัตตะคือความเป็นสิ่งชอบหรือถูกต้อง พระพุทธเจ้าตรัสรู้โดยชอบ
ก็โดยเป็นสัมมาทิฏฐิคือความเห็นชอบเป็นต้น เหล่านี้...(สมเด็จพระญาณสังวร)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น