หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สัมมาทิฏฐิสูตร(๒๘)


...ซึ่งโดยปรกติทุกคนก็จะไม่รู้สึกว่ามีอนุสัยเหล่านี้อยู่ในจิต ยิ่งผู้ที่ปฏิบัติธรรมะได้ศีลได้สมาธิได้ปัญญา แต่ยังไม่เป็นมรรคกำจัดกิเลสได้ อนุสัยเหล่านี้ก็ยิ่งไม่ปรากฏ แต่ก็ยังมีอยู่ ยังนอนเนื่องอยู่ในจิต นอนจมอยู่ในจิต เป็นตะกอนอยู่ในจิต ที่ดังที่เปรียบไว้แล้วว่าเหมือนอย่างตะกอนนอนก้นตุ่ม ไม่ฟุ้งขึ้นมา น้ำในตุ่มก็ดูใสสะอาด แต่อันที่จริงนั้นไม่ใช่เป็นน้ำบริสุทธิ์สิ้นเชิง เพราะยังมีตะกอนนอนจมอยู่ก้นตุ่ม นี่คืออนุสัยที่พระพุทธเจ้าได้ทรงพบ ได้ตรัสแสดงไว้ในพระสูตรหนึ่ง ถึงความบังเกิดขึ้นของอนุสัยดั่งนี้ ว่าอาศัยเวทนานี้เอง หรือว่ากล่าวให้หมดก็คือว่า อาศัยอายตนะภายนอกภายในของบุคคลที่ประจวบกัน เกิดวิญญาณ และทั้ง ๓ นี้ก็มาประชุมกันเป็นสัมผัสหรือผัสสะ ก็เป็นเหตุให้เกิดเวทนา เมื่อเกิดเวทนาก็เป็นเหตุให้เกิดราคะบ้างคือติดใจยินดีในสุข ปฏิฆะบ้างคือว่าหงุดหงิดในทุกข์ อวิชชาบ้างคือไม่รู้ในเวทนาที่เป็นกลางๆไม่ทุกข์ไม่สุข ราคะ ปฏิฆะ อวิชชา เหล่านี้ก็ตกเป็นตะกอนนอนจมอยู่ในจิต เป็นราคานุสัยบ้าง ปฏิฆานุสัยบ้าง อวิชชานุสัยบ้าง ...(สมเด็จพระญาณสังวร)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น