หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

หมาบ้า...


http://www.thaihealth.or.th/Content/5165-%E2%80%9C%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E2%80%9D%20%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89.html

" ระวัง !! หมาบ้า ๆ.."  เสียงตะโกนต่อๆ กันมาจากหัวบ้าน ตลอดไปท้ายบ้าน  พวกเราเด็ก ๆ ต่างวิ่งขึ้นบนบ้าน เฝ้าดูว่าพวกผู้ใหญ่เขาจะจัดการกับมันอย่างไร....

         ผมบันทึกเรื่องของ ควาย..มาแล้ว (คลิก) ตั้งแต่ปีที่แล้วยังไม่จบพอดีมาเจอ"หน้าน้ำ" (คลิก)เข้าต้องพา ป้าหนีน้ำ(คลิก)เลยหยุดยาวไปเลยคิดว่าจะกลับมาคุยเรื่องควายกันต่อ แต่ขอคั่นด้วยเรื่อง หมาบ้า นี่ก่อนเพราะว่า บ้านเราชาวนาบ้านทุ่งก็มีควายกับหมานี่แหละที่เป็นเพื่อนที่ดีมีทุกหลังคาเรือนก็ว่าได้

          หมาที่บ้านเราเลี้ยงไว้โดยมากเป็นหมาพันธุ์พื้นบ้านเรานี่แหละครับ ผมจำชื่อมันได้สองตัวคือ ไอ้เสือ กับไอ้ขาว ไอ้เสือนี่มีขนลายเหมือนเสือ ส่วนไอ้ขาวก็สีขาว  เจ้าสองตัวนี่แหละครับที่ทำให้ลุงป้านอนหลับได้อย่างสนิท  เพราะถ้าไม่มีเจ้าสองตัวนี่คอยเฝ้าเป็นยามตอนกลางคืนตื่นเช้าขึ้นมาคงจะไม่เห็นควายในคอกแน่ ๆ ใครแปลกปลอมเข้ามายามวิกาลมันจะเห่ารับต่อกันไปเป็นทอด ๆ จากหัวบ้านไปท้ายบ้านเลยละ  

           อาหารของพวกมันก็ไม่ยุ่งยาก แม่หุงข้าวก็"เช็ดน้ำ"..น้ำข้าว..ครับแต่ก่อนยังไม่มีหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ไฟฟ้าก็ยังไม่มีใช้ หุงด้วยฟืนไม้ที่ตัดมาจากชายทุ่ง  ผมเพิ่งมารู้ภายหลังว่า น้ำข้าว นี่มีประโยชน์มากกว่าข้าวที่กินเสียอีก ถึงว่าเจ้าสองตัวนี่จึงมีอายุยืนมากจนแก่ตายไปเอง.....

           พูดถึง"หมาบ้า" ส่วนใหญ่จะมีก็ตอนหน้าแล้ง ไม่รู้ว่ามันมาจากหมู่บ้านใหน พวกผู้ใหญ่บอกว่า มันจะมีลักษณะน้ำลายฟูมปาก หางตก วิ่งไปทั่วเขาบอกว่ามันจะกลัวน้ำ ถ้าใครโดนมันกัดก็จะเป็นบ้า จะมีอาการเห่าหอนเหมือนหมา บางทีก็จะมีขนขึ้นตามตัวด้วย แล้วก็จะเสียชีวิตในที่สุด  พวกเราเด็กๆ กลัวกันมาก บางทีมันอาจจะเข้ามากัดควายเราก็ได้  ดังนั้น พอได้ยินเสียงตะโกนบอกว่า "หมาบ้า" เมื่อใดพวกเราเด็กจะรีบขึ้นบ้านเฝ้าดูว่า พวกผู้ใหญ่เขาจะจัดการกับมันอย่างไร

           พวกผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชายจะช่วยกันตามล่ามันทันที อาวุธก็คือ ฉมวกด้ามยาวๆ ที่ใช้แทงปลา เสียม มีด ไม้ เท่าที่จะหาได้ออกตามล่ามัน ...ส่วนใหญ่ก็จะจบภายในวันเดียวครับ   ปล่อยให้ยืดเยื้อไม่ได้เพราะถ้าหากมันกัดหมาบ้านที่เลี้ยงไว้ก็จะไปกันใหญ่ มีอยู่ครั้งหนึ่งผมยังจำติดตาอยู่จนทุกวันนี้  ที่เจ้าหมาบ้าถูก"จับตาย"ที่ใต้ถุนบ้าน...

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ลาก่อน สุโขทัยเมืองมรดกโลก


..วันนี้(๑๐ ก.ค.๕๕)คงเป็นวันสุดท้ายที่จะชมอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย หลังจากที่เรามาพักอยู่ที่นี่สองคืน ยังคงเหลือโบราณสถานนอกกำแพงเมืองเก่าทางทิศตะวันตกและทางทิศใต้ ที่เรายังไม่ได้ไปชม..ก็ขอเริ่มทางทิศตะวันตกซึ่งเรียกกันว่า เขตอรัญญิก มีสถานที่ที่มีชื่อปรากฏอยู่ในศิลาจารึก อาทิเช่น  สรีดภงค์หรือทำนบพระร่วง  วัดสะพานหิน  วัดป่ามะม่วง  หอเทวาลัย ฯลฯ



..สรีดภงส์ หรือทำนบพระร่วง..
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/495081


(คลิกบนภาพเพื่อดูภาพขยายใหญ่ขึ้น)



วัดสะพานหิน เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขามีความสูง ๒๐๐ เมตร ชื่อวัดเรียกตามลักษณะทางที่ปูลาดด้วยหินจากตีนเขาขึ้นไประยะทางประมาณ ๓๐๐ เมตร มีพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่เป็นพระประธาน ซึ่งน่าจะตรงกับศิลาจารึกหลักที่ ๑ กล่าวถึงเมืองสุโขทัยสมัยพ่อขุนรามคำแหงที่ว่า ..ในกลางอรัญญิก มีพิหารอันณึ่งมนใหญ่ สูงงามแก่กม มีพระอัฏฐารศอันณึ่งลุกยืน..และน่าจะเป็นวัดที่พ่อขุนรามคำแหงทรงช้างเผือกชื่อ รูจาคีรี เพื่อไปนบพระในวัดนี้ทุกวันข้างขึ้นและแรม ๑๕ ค่ำ

จารึกหลักที่ ๖ ค้นพบที่วัดป่ามะม่วง กล่าวว่า พระมหาธรรมราชาลิไท ทรงออกผนวชเมื่อ พ.ศ.๑๙๐๕  พระองค์ได้นิมนต์พระมหาสวามีสังฆราชจากนครพันหัวเมืองมอญแห่งหนึ่งใกล้เมืองเมาะตะมะ มาประทับที่วัดป่ามะม่วง ซึ่งเป็นวัดฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่เรียกว่า " อรัญวาสี " และวัดนี้อยู่ไม่ไกลจากเทวาลัยมหาเกษตร 



(คลิกบนภาพเพืืื่่อดูภาพขยายใหญ่ขึ้น)

ในบริเวณอรัญญิกนี้ยังมีโบราณสถานอีกหลายแห่ง เช่น วัดหีบล่าง วัดหีบบน วัดมังกร 


....จากทิศตะวันตกของกำแพงเมืองเก่า เราไปทางทิศใต้ ผ่านประตูนะโม ออกไปไม่ไกลมากนัก มีโบราณสถานที่สำคัญ คือ วัดพระเชตุพน วัดเจดีย์สี่ห้อง วัดก้อนแลง..




..วัดพระเชตุพน..พื้นและผนังวิหารส่วนใหญ่จะเป็นหินชนวน




พระพุทธรูปสี่อิริยาบถ นั่ง นอน ยืน เดิน ขนาดใหญ่

นั่ง

นอน

ยืน

เดิน




...มิตรภาพยามเช้าที่หน้าวัดเชตุพน หนุ่มน้อยเต็มไปด้วยรอยยิ้มชักชวนให้ลองชิม เมี่ยงทอด กับมะพร้าวแก้ว ซึ่งเพิ่งจะทำเสร็จมาใหม่ ๆ...

...เพื่อให้ถึงบ้านก่อนค่ำ..เราจึงต้องอำลาสุโขทัย ราวเที่ยงวันเดินทางกลับตามเส้นทาง สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์..กรุงเทพ...ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ..

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เที่ยวสุโขทัยเมืองมรดกโลก(๓)


..จากช่วงเช้าที่ผ่านมาเราเข้าชมโบราณสถานด้านทิศเหนือ..  ก็ขอพักทานอาหารกลางวัน  ..มื้อนี้ขอเป็นอาหารจานด่วนก่อน เพราะช่วงบ่ายนี้ตั้งใจว่าจะไปชมโ้บราณสถานทางทิศตะวันออก คือ วัดช้างล้อม แล้วจะเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง แล้วจะเข้าชมบริเวณภายในกำแพงเมืองเก่าทั้งหมด เพราะสามารถอยู่ถึงค่ำได้..


(คลิกบนแผนที่เพื่อดูภาพใหญ่ขึ้น)

..วัดช้างล้อมอยู่ทางทิศตะวันออก นอกกำแพ



(คลิกบนภาพเพื่อดูภาพขยายใหญ่ขึ้น)

..จากวัดช้างล้อมเรากลับเข้ามาที่ภายในกำแพงเมืองเก่า วัดตระพังทองหลาง ก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่น่าจะแวะเข้าชม ปัจจุบันวัดนี้ยังมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่  ก็ขอเข้าไปชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง เลยนะครับ... 

 ..จัดการแสดงเป็นสองส่วนภายในและภายนอก  ภายในอาคารลายสือไทไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ...

..ก็ขอนำภาพที่จัดแสดงอยู่ภายนอกมาฝากก็แล้วกัน...

..ออกจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหงแล้วเราก็ จะเข้าชมโบราณสถานภายในกำแพงเมืองเก่า ครับ  ตรงนี้จะต้องซื้อบัตรเข้าชม  หากมีรถยนต์ส่วนตัวสามารถขับเข้าไปได้และจะสดวกมากเพราะพื้นที่ด้านในมีบริเวณกว้างมาก หรืออาจจะใช้บริการรถรางนำเที่ยวก็ได้  ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมเช่าจักรยานครับ..

..ภายในกำแพงเมืองเก่านี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง ๑.๓ กม. ยาว ๑.๘ กม.ภายในมีโบราณสถานที่ควรไปชมคือ อนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช  วัดมหาธาตุ  เนินปราสาท วัดตระกวน วัดชนะสงคราม ศาลหลักเมือง วัดสระศรี  วัดศรีสวาย...


(คลิกบนภาพเพื่อดูภาพขยายใหญ่ขึ้น)



(คลิกบนภาพเพื่อดูภาพขยายใหญ่ขึ้น)





(คลิกบนภาพเพื่อดูภาพขยายใหญ่ขึ้น)

สำหรับวัดมหาธาตุ ถือว่าเป็นวัดที่สำคัญที่สุดตั้งอยู่กลางใจเมือง เป็นวัดขนาดใหญ่เหมือนกับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว)ของกรุงเทพ  มีเจดีย์วิหารมากมาย  สำหรับเจดีย์มีมากประมาณ ๒๐๐ เจดีย์  เจดีย์ประธานของวัดมีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์หรือทรงดอกบัวตูม ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของศิลปสุโขทัย...



(คลิกบนภาพเพื่อดูภาพขยายใหญ่ขึ้น)

..ใกล้ ๆ กับวัดมหาธาตุ มีโบราณสถานที่สำคัญอีกสองแห่ง คือ เนินปราสาท และศาลหลักเมือง..

..วัดสระศรีเป็นอีกวัดหนึ่งซึ่งสวยงามมากมีสระน้ำล้อมรอบ..



..วัดสุดท้ายที่อยู่ในเขตกำแพงเก่าที่จะพาไปชมคือวัดศรีสวาย..ครับ มีรูปแบบเป็นพระปรางค์ของเขมรเรียงกันสามองค์  คาดว่าจะเป็นเทวสถานเดิมแล้วเปลี่ยนแปลงมาเป็นวัดพุทธศาสนา..

..เราอยู่ในเขตกำแพงเมืองเก่าจนค่ำครับ...พรุ่งนี้ตั้งใจว่าจะไปชมโบราณสถานทางทิศตะวันตกและทิศใต้ของแำแพงเมืองเก่าครับ..

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ


ลาก่อนสุโขทัยเมืองมาดกโลก (คลิก)