หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2567

An Everlasting Light


 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นดังแสงสว่างที่ไม่เคยดับในใจคนไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาหาเลี้ยงชีพ หรือพักอาศัยในประเทศไทย

วันนี้เหล่าศิลปินชาวต่างชาติในไทยพร้อมใจกันมาร้องเพลง An everlasting light เพื่อถวายความอาลัยแด่พระองค์

His Majesty King Bhumibol will remain an everlasting light for the Thai people, as well as for foreigners who are living in the kingdom. Expat and local artists have gratefully collaborated in producing this original  song, “An Everlasting Light” in order to commemorate His Majesty’s virtue and achievements.

An everlasting light
Verse 1:
You have always been 
You’ve been a father to us all
Our strength our loving king
We know you care and understand

You catch us when we fall
Always quick to lend a hand
As your children we rejoice 
To a wise and loving voice

Chorus: 
An everlasting light that has shown us the way
A dedicated love  that will never go astray
You will remain with us your memory will never fade
The king of kings

Verse 2:
Your love flows through ourfootage

To the beating of our hearts
And here it will remain  
Forever and always

You served us all your life
Made us strong and made us proud
So let’s celebrate your life 
We are here to sing out loud

Chorus: 
An everlasting light that has shown us the way
A dedicated love  that will never go astray
You will remain with us your memory will never fade
The king of kings

Lyrics                     James Flynn
Additional Lyrics  Keithen Carter
Music                     Frank Herrgott

Musicians
Piano & Production      Frank Herrgott
Saxophone                     Koh Mr. Saxman
Upright bass                  Sylvain Gagnon (Canada)
Sound engineers          Julien Hulard (France)
                                        Pichet Permsuphirun (Shining Star Studio)                          
                                        Pongpitan Tuwatchai (91 Passport Studio)
Mix/Mastering              Tarin Paul @ Lakeside Village Production

Singers:
James Flynn                   Australia
Athalie de Koning           The Netherlands
Keith Nolan                     Ireland
Frank Herrgott                France
Keithen Carter                USA
Christophe Descamps  Thailand/France
Kevin Biddle                    USA
Ram Kumar                     India
Tomomi Miya                 Japan
Rydsma S.Amoy            The Philippines
Vonn Parker                    USA

MV producer         Tahkonpath Rojanavanit
Camera men          Eakkachat choochenklin & Sutja Sangsuwan

Special thanks Spring News TV for footage

*****

Cr.https://youtu.be/Ra2LG-nbBAo?si=pS61Lo7TPnWV_WVG

การจะได้เกิดเป็นมนุษย์นี้แสนยาก


เราคิดว่าคนในโลกปัจจุบันมาก
ตามความรู้สึกของเราว่ามากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่ง ๗ พันล้านคน
แต่ถ้าเราไปเทียบกับชีวิตของสัตว์เดรัจฉาน
ชีวิตของมนุษย์นี่น้อยมาก เทียบกันไม่ได้
ไม่ถึง ๑ เปอร์เซ็นต์
สัตว์เดรัจฉานในน้ำ บนบกยิ่งมาก
ในดินทุกจุดมีชีวิตของสัตว์ สัตว์เล็กสัตว์น้อย
เรารอดข่ายดักจากอบายภูมิมาได้
รอดจากสัตว์นรก รอดจากเปรต จากอสุรกาย จากสัตว์เดรัจฉานมา
ไม่ใช่ธรรมดา
ถ้าไม่มีบุญ ไม่มีกุศลกรรมบถ ไม่มีศีล ๕ มา
ก็จะรอดไม่ได้เลย
ไปอบายภูมิหมด
กุศลกรรมบถ ๑๐ คือ
เราไม่ฆ่าสัตว์
ไม่ลักทรัพย์
ไม่ประพฤติผิดในกาม
ไม่โกหก ไม่ส่อเสียด หยาบคาย เพ้อเจ้อ
ไม่เพ่งเล็งจะเอาของเขา
ไม่พยาบาทอาฆาตแค้น
ไม่เห็นผิดจากทำนองคลองธรรม
มีกุศลกรรมบถจึงได้เป็นมนุษย์
แล้วก็มาเป็นมนุษย์ที่มีพ่อมีแม่ผู้ให้กำเนิดเลือดเนื้อชีวิตเรา
ถือว่าเรามีบุญ
ได้มาเกิดในท้องของมารดาผู้มีน้ำใจในความเป็นแม่
ประคับประคองครรภ์ให้เราได้เติบโตในครรภ์จนได้คลอดออกมา
แค่นี้ก็เป็นพระคุณใหญ่หลวงแล้ว
แล้วเด็กจำนวนมากที่เขาไม่ได้เกิด
ถูกทำแท้งตายเสียมากต่อมาก
อย่างที่มีข่าวที่วัดไหนไปพบซากทารกจำนวนตั้ง ๒,๐๐๐ กว่า
นี่ขนาดที่เราแค่รู้แค่ที่เดียว
แล้วถ้าทั้งโลกมันจะขนาดไหน
เด็กที่ไม่มีโอกาสคลอดออกมาได้เพราะถูกทำร้ายเสียก่อน
ก็เป็นบาปของเขานั่นแหละ
แต่ว่าพูดด้วยเหตุปัจจัย
มาเกิดในครรภ์มารดา ไม่ได้รับการให้ชีวิตรอดมาได้
แต่เราท่านทั้งหลายถือว่าเรามีแม่มีพ่อมีน้ำใจของความเป็นพ่อเป็นแม่
แม่ประคับประคองครรภ์จนกระทั่งเราเติบใหญ่
จนกระทั่งแข็งแรงจนคลอดออกมาได้
เด็กทารกไหนจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ถ้าเราไม่มีผู้ดูแลเลี้ยงดู เราก็ตาย
เด็กตายก่อน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย
ไม่เหมือนพวกสัตว์เดรัจฉานอย่างหมาแมว
เกิดมาปีเดียวมันก็ช่วยตัวเองได้ มีครอบครัวได้เลย
หมาแมวนี่ปีเดียวเห็นผสมพันธุ์แล้ว
แล้วมนุษย์เราขวบเดียวไปแค่ไหน
เตาะแตะ ยังไม่ได้ความเลย
กว่าจะช่วยตัวเองตั้งกี่ปี
ฉะนั้นคนที่ให้กำเนิดก็ดี คนที่เลี้ยงดูเรามา ถือว่ามีพระคุณ
บางท่านก็มีแม่ที่ ๒ เลี้ยงดูให้
ตาบ้างยายบ้าง ปู่บ้างย่าบ้าง พี่ป้าน้าอาก็ตาม
ถือว่ามีพระคุณ
ธรรมบรรยาย ชีวิตดำเนินด้วยบุญ แสดงธรรมพิธีบุญเดือนเกิดกุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ (๔-๒-๖๗)
.............................
ธัมโมวาท โดยหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา
*********
Cr.https://www.facebook.com/PageWatMaheyong


 

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2567

Anger inside


 "A monk decides to meditate alone.

 Away from his monastery, he takes a boat and goes to the middle of the lake, closes his eyes and begins to meditate.

 After a few hours of unperturbed silence,

 he suddenly feels the blow of another boat hitting his.  With his eyes still closed, he feels his anger rising and, when he opens his eyes, he is ready to shout at the boatman who dared to disturb his meditation.

 But when he opened his eyes,

 saw that it was an empty boat, not tied up, floating in the middle of the lake ...


 At that moment, the monk achieves self-realization and understands that anger is within him;

 it simply needs to hit an external object to provoke it.


 After that, whenever he meets someone who irritates or provokes his anger, he remembers;

 the other person is just an empty boat.

 Anger is inside me.  "


~Thich Nhat Hanh

*****

Cr.https://www.facebook.com/share/p/kmJhBigAgxXmb7Ai/

*****

พระภิกษุรูปหนึ่งตัดสินใจนั่งสมาธิคนเดียว
เมื่อออกจากอารามแล้ว พระองค์ก็ขึ้นเรือไปยังกลางทะเลสาบ ปิดตาและเริ่มนั่งสมาธิ
หลังจากนิ่งเงียบอยู่หลายชั่วโมง
พระองค์ก็รู้สึกถึงแรงปะทะของเรืออีกลำที่เข้ามากระทบพระองค์ ขณะที่พระองค์ยังหลับตา พระองค์ก็รู้สึกว่าความโกรธกำลังเพิ่มขึ้น และเมื่อพระองค์ลืมตาขึ้น พระองค์ก็พร้อมที่จะตะโกนใส่คนพายเรือที่กล้ามารบกวนสมาธิของพระองค์
แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้น
พระองค์ก็เห็นว่าเป็นเรือเปล่า ไม่ได้ผูกไว้ ลอยอยู่กลางทะเลสาบ ...

ในขณะนั้น พระองค์ก็ทรงบรรลุถึงการตระหนักรู้ในตนเอง และเข้าใจว่าความโกรธอยู่ภายในพระองค์
ความโกรธเพียงแค่ต้องกระทบกับวัตถุภายนอกเพื่อกระตุ้นความโกรธนั้น

หลังจากนั้น เมื่อใดก็ตามที่พระองค์พบใครก็ตามที่คอยกวนใจหรือกระตุ้นความโกรธของพระองค์ พระองค์ก็จะระลึกได้ว่า
อีกฝ่ายเป็นเพียงเรือเปล่า
ความโกรธอยู่ภายในตัวเราเอง”

~ติช นัท ฮันห์


วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2567

How to walk


 "One of the most profound teachings is also the shortest: 'I have arrived.' When we return to our breathing, we return to the present moment, our true home. There's no need for us to struggle to arrive somewhere else. 

We know our final destination is the cemetery. Why are we in a hurry to get there? Why not step in the direction of life, 

which is in the present moment?  


If we practice walking meditation for even a few days, we will undergo a deep transformation and learn how to enjoy peace in each moment. We smile, and countless beings throughout the cosmos smile back at us ―our peace is so deep.  


Everything we think, feel, and do has an effect on our ancestors and future

generations and reverberates throughout the cosmos."

~Thich Nhat Hanh in "How to Walk" (Parallax Press 2015)

*****

Cr.https://www.facebook.com/share/p/o2M2sHNV8W7S84xt/

****

คำสอนที่ลึกซึ้งที่สุดประการหนึ่งก็สั้นที่สุดเช่นกัน นั่นคือ ‘ฉันมาถึงแล้ว’ เมื่อเรากลับมาหายใจ เราก็กลับมาสู่ช่วงเวลาปัจจุบัน บ้านที่แท้จริงของเรา เราไม่จำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อไปถึงที่อื่น
เรารู้ว่าจุดหมายปลายทางสุดท้ายของเราคือสุสาน ทำไมเราถึงต้องรีบไปที่นั่น ทำไมไม่ก้าวไปในทิศทางของชีวิต
ซึ่งก็คือช่วงเวลาปัจจุบันล่ะ

ถ้าเราฝึกเดินสมาธิแม้เพียงไม่กี่วัน เราก็จะผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และเรียนรู้ที่จะเพลิดเพลินกับความสงบสุขในแต่ละช่วงเวลา เรายิ้ม และสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนทั่วทั้งจักรวาลก็ยิ้มตอบเรา ―ความสงบสุขของเรานั้นลึกซึ้งมาก

ทุกสิ่งที่เราคิด รู้สึก และทำ มีผลกระทบต่อบรรพบุรุษและรุ่นต่อๆ ไปของเรา และส่งผลสะเทือนไปทั่วทั้งจักรวาล”
~ติช นัท ฮันห์ ใน "How to Walk"


วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2567

เมล็ดพันธ์แห่งความสุข


“Watering the seeds of happiness is a very important practice for the sick or dying.  All of us have seeds of happiness inside us, and in difficult moments when we are sick or when we are dying, there should be a friend sitting with us to help us touch the seeds of happiness within.  Otherwise seeds of fear, of regret or of despair can easily overwhelm us.”

~Thich Nhat Hanh

No Death, No Fear

*****

Cr.https://www.facebook.com/share/p/9itbKCm8vELQJmJp/

*****

การรดน้ำเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขเป็นการปฏิบัติที่สำคัญมากสำหรับคนป่วยหรือคนใกล้ตาย เราทุกคนมีเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขอยู่ในตัว และในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เมื่อเราป่วยหรือใกล้จะตาย ควรมีเพื่อนมานั่งข้างๆ เพื่อช่วยเราสัมผัสเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขภายในตัวเรา มิฉะนั้น เมล็ดพันธุ์แห่งความกลัว ความเสียใจ หรือความสิ้นหวังอาจครอบงำเราได้อย่างง่ายดาย” ~ติช นัท ฮันห์
ไม่มีความตายก็ไม่มีความกลัว

 

วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2567

เราเหมือนกัน


 Whether one is

rich or poor, educated or illiterate, religious or nonbelieving, man or woman, black, white, or brown, we are all the same. Physically, emotionally, and mentally, we are all equal. We all share basic needs for food, shelter, safety, and love. 


We all aspire to happiness and we all shun suffering. Each of us has hopes, worries, fears, and dreams. Each of us wants the best for our family and loved ones. 


We all experience pain when we suffer loss and joy when we achieve what we seek. 

On this fundamental level, religion, ethnicity, culture, and language make no differences.

~His Holiness The 14th Dalai Lama🌹

****

Ct.https://www.facebook.com/share/p/pEGYDgPCwRiA9Wev/

ม่ว่าเราจะรวยหรือจน มีการศึกษาหรือไม่รู้หนังสือ เคร่งศาสนาหรือไม่นับถือศาสนา ชายหรือหญิง ผิวดำ ผิวขาว หรือผิวสี เราก็เหมือนกันหมด ทั้งทางร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ เราต่างก็เท่าเทียมกัน เรามีความต้องการพื้นฐานร่วมกันสำหรับอาหาร ที่อยู่อาศัย ความปลอดภัย และความรัก

เราทุกคนปรารถนาที่จะมีความสุขและหลีกหนีความทุกข์ เราแต่ละคนมีความหวัง ความกังวล ความกลัว และความฝัน เราแต่ละคนต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวและคนที่เรารัก

เราทุกคนต่างรู้สึกเจ็บปวดเมื่อสูญเสียและมีความสุขเมื่อบรรลุสิ่งที่ปรารถนา

ในระดับพื้นฐานนี้ ศาสนา เชื้อชาติ วัฒนธรรม และภาษาไม่มีความแตกต่างกัน
~องค์ทะไลลามะองค์ที่ 14🌹


วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2567

วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2567

ชีวิตหลังความตาย


 ธรรมะอรุณสวัสดิ์...รับวันใหม่ 

............................. 

#ถ้าเข้าถึงนิพพานสูงสุดจะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด 

#ซึ่งแนวทางการปฏิบัติพระพุทธเจ้าตรัสรู้สอนไว้ก็มีอยู่ 

#นิพพานมีอยู่ 

#ทางปฏิบัติที่จะไปสู่นิพพานก็มีอยู่ 

#ผู้ชี้ทางบอกทางคือพระพุทธเจ้าสั่งสอนไว้ก็มีอยู่ 

#ก็เหลือแต่ผู้ที่จะเดินทาง #ผู้ที่จะปฏิบัติตามคำสอนปฏิบัติตามแนวทาง 

#ถ้าปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้าก็จะถึงนิพพานพ้นทุกข์ 


อย่างพระพุทธเจ้าถึงแล้ว เสด็จไปดีแล้ว ถึงนิพพานแล้ว 

พระอรหันต์ทั้งหลายถึงนิพพานไปจำนวนมาก พ้นหมดแล้ว พ้นทุกข์หมดแล้ว  


หรือถ้าเป็นอริยบุคคลชั้นรองลงมาจากพระอรหันต์เรียกว่าพระอนาคามี 

ก็จะไม่เกิดในมนุสสโลก ไม่เกิดในชั้นเทวดา 

จะเกิดในพรหมโลก 

เรียกว่าเป็นโอปปาติกะ 

แล้วก็ปรินิพพาน คือเป็นพระอรหันต์ที่นั่น 


ถ้าเป็นสกทาคามี อริยบุคคลชั้นรองลงมา 

ก็มาเกิดอีกครั้งเดียวก็เป็นพระอรหันต์ 


ถ้ารองลงมา อริยบุคคลชั้นต้นเรียกว่าโสดาบัน 

ก็จะเวียนว่ายตายเกิดโดยทั่วไปก็ไม่เกิน ๗ ชาติ 

ก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ 

แล้วก็ถึงแม้ว่ายังต้องเกิด ๗ ชาติ 

ก็ไม่เกิดในนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานโดยเด็ดขาด 

โสดาบันเกิดก็เกิดในมนุษย์ เทวดา 

ปิดประตูอบายภูมิได้สนิท 

เห็นไหมชีวิตที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดแบบนับไม่ถ้วนเหลือแค่ ๗ ชาติ 

อริยบุคคลชั้นที่ ๑ โสดาบัน ได้เข้าไปถึงกระแสนิพพาน 

แต่ว่ากิเลสยังตัดไม่หมดเกลี้ยง ยังมีเหลืออยู่ 


การเข้าถึงอย่างนี้ต้องปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้าที่พระองค์สอนไว้บอกไว้ 

คือต้องเจริญสติปัฏฐาน ๔ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน เจริญอริยมรรคมีองค์ ๘  

ถ้าใครได้เจริญพากเพียรปฏิบัติก็จะมีโอกาสบรรลุธรรม 


#ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายเป็นผู้หญิง 

#เป็นพระเป็นฆราวาส 

#เป็นเด็กเป็นผู้ใหญ่ 

#ก็มีสิทธิที่จะเข้าถึงได้ถ้ามีความพากเพียรปฏิบัติ 

๗ ขวบก็เป็นอริยบุคคลได้ เป็นพระอรหันต์ได้ 

ในสมัยพุทธกาลก็มีหลายท่าน 

เป็นสามเณรอายุ ๗ ขวบ เป็นพระอรหันต์แล้ว 

บวชอายุ ๗ ขวบ บางคนแค่โกนหัวเป็นพระอรหันต์ 

นางวิสาขาเป็นมหาอุบาสิกาที่เราได้ยินชื่อเสียง 

ที่บำรุงอุปัฏฐากพุทธศาสนาไว้อย่างมาก 

สละทรัพย์สร้างวัดบุพพาราม   

เป็นอริยบุคคลโสดาบันตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ 

ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีที่เราเคยได้ยินชื่อก็เป็นโสดาบัน 

พระเจ้าพิมพิสารเป็นพระราชา เป็นโสดาบันเหมือนกัน 

พระเจ้าสุทโธทนะ พระราชบิดาของพระพุทธเจ้าก็เป็นอริยบุคคล 

ก่อนจะปรินิพพาน กำลังอาพาธประชวรหนัก 

พระพุทธเจ้าก็เสด็จไปเยี่ยม แล้วก็ไปแสดงธรรมโปรด 

ก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ แล้วก็สวรรคต 

หรือว่าไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 

พระมารดาไปเกิดเป็นเทวดาหรือเป็นเทพบุตรอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต 

ฟังธรรมแล้วก็บรรลุเป็นอริยบุคคล 

เทวดาก็บรรลุเป็นอริยบุคคลได้ 


#ถ้าเราปฏิบัติตามคำสอนพุทธศาสนาก็เหมือนว่าเราได้ตัดกรรมได้ 

#กรรมที่จะนำไปสู่นรกเปรตอสุรกายสัตว์เดรัจฉานเป็นอันว่าตัดขาด 

#ถ้าบรรลุแค่โสดาปัตติมรรคเกิดขึ้นมา 

#ตัดกรรมที่จะนำไปเกิดในอบายภูมิได้ขาดเลย 

#กรรมที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนับไม่ถ้วนเหลือแค่๗ชาติ 


#ถ้าบรรลุถึงอรหัตตมรรคเมื่อไรก็เป็นอันว่าตัดหมด 

#ตัดกิเลสตัดภพชาติทั้งหลาย 

#ยังมีชีวิตอยู่ก็เพียงเสวยวิบากเก่า 

ตอนมีชีวิตอยู่ยังต้องเสวย 

อย่างพระองคุลิมาลที่เป็นมหาโจรฆ่าคนเป็นพัน 

ถ้าไม่ได้พบพระพุทธเจ้า ต้องไปตกนรกหนักเลย ฆ่าคนเป็นพัน 

พอบรรลุเป็นอริยบุคคลก็ปิดประตูอบายได้หมด 

โดยสุดท้ายท่านบรรลุเป็นพระอรหันต์ 

ท่านก็เสวยผลกรรมเฉพาะยังมีชีวิตอยู่ 

ไปบิณฑบาตเดี๋ยวโดนเขวี้ยง 

เขาไม่ได้ตั้งใจก็โดน 

คือบางทีเขาขว้างอะไรไปเขาก็ไม่ได้ตั้งใจ 

ก็มาลงที่ศีรษะของท่านเลือดอาบมาเรื่อย 

ไปบิณฑบาต จีวงจีวรขาด เลือดอาบมา 


พระพุทธเจ้าก็ปลอบใจว่า เธอต้องอดทน 

เพราะว่าเธอทำบาปกรรมไว้ 

แต่ว่าใช้กรรมตอนนี้ เธอไม่ต้องไปใช้ในนรกอีก  

ที่สุดท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์ 

พอท่านปรินิพพานก็เป็นอันว่าดับรอบ 

ไม่มีขันธ์ ๕ ไปอุบัติบังเกิด 

ก็ไม่ต้องไปเกิดแก่เจ็บตายอีก  


ชีวิตหลังความตาย (ธรรมสุปฏิปันโน ๘)   

.............................

ธัมโมวาท โดยหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี

เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา

Cr.https://www.facebook.com/share/A4z7HiL69bdbx3EB/?mibextid=oFDknk

วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2567

วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2567

โภชเนมัตตัญญุตา


การศึกษาเริ่มต้น เมื่อคนเริ่มรู้จักดำเนินชีวิตด้วยปัญญา


ลักษณะของคนมีการศึกษา คือ เป็นผู้ดำเนินชีวิตด้วยปัญญา เพราะฉะนั้นการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาจึงเป็นเครื่องแสดงว่าคนผู้นั้นเริ่มมีการศึกษา ถ้าใครไม่ดำเนินชีวิตด้วยปัญญาก็แสดงว่ายังไม่มีการศึกษา


การดำเนินชีวิตด้วยปัญญา ต้องเริ่มฝึกกันตั้งแต่ในชีวิตประจำวัน เช่น การกิน การนอน การเล่น เป็นต้น พูดสั้นๆ ว่า ให้ฝึกการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาเริ่มตั้งแต่การกินอยู่ประจำวัน จะกินอาหารก็รู้จักกินด้วยปัญญา ถ้ามนุษย์รู้จักบริโภคปัจจัย 4 เริ่มแต่กินอาหารด้วยปัญญา การศึกษาก็เริ่มต้น คือกินด้วยความรู้เข้าใจในวัตถุประสงค์ของการกินว่ากินเพื่ออะไร ไม่ใช่กินแบบขาดสติหลงเพลินเรื่อยๆ เปื่อยๆ ไปตามรสอร่อย แต่มีความตระหนักรู้ว่ากินเพื่อบำรุงร่างกายให้เจริญเติบโต กินเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง หรือกินเพื่อคุณภาพชีวิต


เมื่อกินด้วยความรู้เข้าใจมีปัญญาแล้ว ความรู้หรือปัญญานั้นก็จะมาจำกัดขอบเขตของการกินให้พอดี ทั้งในแง่ปริมาณของอาหาร และประเภทของอาหาร เพื่อให้การกินเกิดประโยชน์แก่ชีวิตมากที่สุด นี้คือศีลที่เรียกว่า “โภชเนมัตตัญญุตา” แปลว่า ความรู้จักประมาณในการบริโภค คือรู้จักกินให้พอดี


การกินพอดี ซึ่งเป็นการกินด้วยปัญญา จะพ่วงมาด้วยด้วยท่าทีแห่งการมองอาหารในความหมายว่าเป็นปัจจัย การมองอาหาร มองสิ่งของเครื่องใช้ มองวัตถุ มองเทคโนโลยี มองเงินทอง และมองเศรษฐกิจเป็น ปัจจัย คือเป็นเครื่องเกื้อหนุนชีวิตที่ดีงาม ไม่ใช่มองเป็นจุดหมาย จะมีผลสืบเนื่องในเชิงสร้างสรรค์อีกหลายอย่างกว้างไกล อย่างน้อยก็จะเป็นการบริโภคที่มีความมั่นใจด้วยปัญญา คนที่บริโภคด้วยปัญญารู้ว่าตนทำถูกต้องตรงตามความจริงแล้วจึงมีความมั่นใจด้วยปัญญา และจะไม่หวั่นไหวต่อค่านิยมโก๋เก๋ ใครจะชอบไปกินอาหารปรุงแต่งอย่างไรก็รู้ทัน ไม่สนใจ เพราะตนเองมั่นคงด้วยปัญญา นี้คือการศึกษาได้เริ่มต้นแล้ว และเป็นสิ่งที่สังคมไทยต้องการ 


ปัจจุบัน การกินอาหาร และการเสพบริโภคเทคโนโลยีต่างๆ ได้หวั่นไหวไปตามค่านิยม ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง ถูกเขาใช้เป็นเครื่องมือล่อเหยื่อหาผลประโยชน์กันได้เต็มที่ เพราะเป็นการบริโภคอย่างขาดปัญญา


*****

Cr.https://www.watnyanaves.net/en/book-reading/207/19

วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2567

Freedom


 "Look into yourself and recognize the suffering in yourself. If you recognize, embrace, and transform your suffering and difficulties, then you are loving yourself. Based on that experience, you will succeed in helping another person to do the same, bringing a feeling of joy and happiness. 


Letting go gives us freedom, and freedom is the only condition for happiness. The amount of happiness that you have depends on the amount of freedom you have in your heart." 


- Thich Nhat Hanh

****

Cr.https://www.facebook.com/share/p/szLNcAjFf4KZgMtA/?mibextid=oFDknk