Cr. Fwd. Line
🙏🤟💕 " "โปรดใช้สื่อสังคมอย่างสร้างสรรค์ อย่าบั่นทอนความเสียสละของคนทำดี ด้วยคำพูด ดูถูกเหยียดหยาม"
" หนังเรื่องนี้ สะท้อนได้ตรงมาก คนพูดมีมากกว่าคนทำจริงๆ "🤟
Cr. Fwd. Line
🙏🤟💕 " "โปรดใช้สื่อสังคมอย่างสร้างสรรค์ อย่าบั่นทอนความเสียสละของคนทำดี ด้วยคำพูด ดูถูกเหยียดหยาม"
" หนังเรื่องนี้ สะท้อนได้ตรงมาก คนพูดมีมากกว่าคนทำจริงๆ "🤟
Cr. Fwd. Line
(#)ปริศนาธรรม
1. ทองแท่ง จะไร้ค่า
2. พระปฏิมา เป็นกากปูน
3. กลากเกลื้อน จะเพิ่มพูน
4. พระพิรุณ จะซบเซา
5. ผ้าเหลือง จะโดนย่ำ
6. ตะกวดดำ จะเป็นเจ้า
7. ดอกตูม โรยแต่เช้า
8. หมาหัวเน่า ผึ้งจะตอม
9. บุปผา จะเป็นหมัน
10. คืนและวัน จะสั้นเข้า
11. นกน้อย จะลืมเหย้า
12. โคถึกเฒ่า จะวังเวง
##################################
1.ทองแท่ง จะไร้ค่า
พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจะมีคนสนใจศึกษาก็เหลือน้อยเต็มที ผู้คนจะไม่เห็นคุณค่า ทั้งพระสงฆ์สามเณรและฆราวาสก็เบือนหน้าหนีพระธรรมคำสอน กับทั้งผู้คนก็ไม่นิยมเข้าวัดฟังธรรม เห็นวัดเป็นสถานที่ไม่น่าอภิรมย์ เข้าวัดเพื่อไปเที่ยว แต่ไม่เห็นเนื้อแท้ของทองคำ
2.พระปฏิมา เป็นกากปูน
ผู้คนจะมองว่าเป็นเพียงรูปเคารพเป็นเพียงอิฐหินดินปูน เป็นของประดับ เริ่มไม่เคารพพระพุทธรูปและเริ่มเสื่อมศรัทธาในพุทธศาสนามากขึ้นกับทั้งมองว่า เป็นแค่วัตถุ สิ่งของ
3.กลากเกลื้อน จะเพิ่มพูน
ความชั่วเลวทรามของผู้คนและความมีมิจฉาทิฏฐิจะเริ่มลุกลามแผ่ขยายมากขึ้น กับทั้งความหยาบกระด้างและความมีนิสัยเถื่อนถ่อยของผู้คนจะลุกลามเป็นเหมือนกลากเกลื้อนที่ติดต่อกันได้ จากพฤติกรรมเลียนแบบกัน จะปรากฏให้เห็นจนดาษดื่นไปทุกแห่ง
4.พระพิรุณ จะซบเซา
น้ำจิตน้ำใจของผู้คนในสังคมจะเหือดแห้งมากขึ้นจะมีแต่ความเห็นแก่ตัวให้เห็น กับทั้งฟ้าฝนก็จะแห้งแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล
5.ผ้าเหลือง จะโดนย่ำ
ผู้คนจะไม่กลัวบาปกลัวกรรม เมามันกับการติเตียนดูหมิ่นดูแคลนพระสงฆ์ กับทั้งพระสงฆ์ สามเณร ก็ไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ไม่เคารพรักธรรมนิยม ใช้ผ้าเหลืองแสวงหาลาภ จะหาผู้มีศีลมีธรรมก็เหลือน้อย
6.ตะกวดดำ จะเป็นเจ้า
คนในตระกูลต่ำ คนมีจิตใจต่ำทราม เมื่อได้เป็นใหญ่ครองอำนาจ ก็จะเหลิงในอำนาจ หลงในอำนาจ จนพาบ้านเมืองเสียหาย พาองค์กรเสียหาย กับทั้งกินเงินหลวงไม่อายชาวบ้าน คาบไปกินต่อหน้าต่อตาก็ไม่เกรงกลัวคนเห็น
7.ดอกตูม โรยแต่เช้า
เด็กผู้หญิงเริ่มมีคู่ตั้งแต่อายุน้อยยังไม่โตเป็นสาวก็เที่ยวหาคู่นอน ปทุมยังไม่เป็นถัน ก็ได้เสียกันแล้ว กับทั้งเอาใจออกห่างพ่อแม่ แก่แดด ทั้งที่ยังเช้าอยู่
8.หมาหัวเน่า ผึ้งจะตอม
คนไม่ดีคนเนรคุณคนชั่ว แต่สังคมจะยกย่องชื่นชม กับทั้งเชื่อคำพูดคำปดของคนเหล่านี้ ดุจผึ้งตอมกลิ่มภมรอันหอม
9.บุปผา จะเป็นหมัน
ส่วนคนดีนั้น ผู้คนจะพากันด่า สาดเสียเทเสีย จนแทบแทรกแผ่นดินหนี คนทำดีคนจะไม่เห็นค่า ทำความดีกลับถูกต่อว่า จนต้องแอบทำ ทำดีเท่าไหร่ไม่มีคนเห็น แต่คนจะกลับนิยมชื่นชมคนมีอำนาจคนมีเงินว่าเป็นคนน่ายกย่อง
10.คืนและวัน จะสั้นเข้า
ผู้คนจะเพลิดเพลินไปกับการเสพสิ่งบันเทิง กิน เที่ยว ช้อปปิ้ง เล่นโซเชียล จนเวลาในแต่ละวันผ่านไปจนไม่รู้วันรู้คืน และวิถีชีวิตที่ทำงานแลกเงินจนหมดเวลาไปกับการงาน ไม่มีเวลาพูดคุยกับในครอบครัว เวลาในครอบครัวก็จะสั้นลงไปด้วย
11.นกน้อย จะลืมเหย้า
คนรุ่นใหม่ เด็กรุ่นใหม่ คนสมัยใหม่ จะลืมพ่อแม่และบ้านเกิดเมืองนอนของตน กับทั้งลืมวัฒนธรรมประเพณีของตน รากเหง้าของตน
12.โคถึกเฒ่า จะวังเวง
คนเฒ่าคนแก่จะถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพังขาดลูกหลานดูแล /
___________
อนุโมทนากับผู้เขียน/แปลธรรม บทนี้
คงจะแปลมาจากคำพยากรณ์ ความฝัน 16 ประการ ที่พระพุทธองค์ทรงตอบ ให้พระราชา
ชื่อ ปเสนทิโกศล แห่งยุคพุทธกาล
ว่า เรื่องราวเหล่านี้จะเกิดขึ้นในยุคสมัยกึ่งพุทธกาลไปแล้ว คงจะคือยามนี้ ที่ผู้คนเสื่อมจากศีลธรรม .....
---------
พบ 4 สารแห่งความสุข
ที่ซ่อนอยู่ในตัวเราทุกคน
ทุกวันนี้ที่เรายังไม่มีความสุข...เพราะเรายัง "ไม่เข้าใจ"ความสุข
ในสมองของมนุษย์ทุกคนมีสารสื่อประสาท(neurotransmitter) อยู่ 4 ตัว ที่เมื่อหลั่งออกมาแล้ว จะทำให้รู้สึก"มีความสุข" คือ
1.โดพามีน(dopamine) หลั่งเมื่อได้รับ
2.ออกซิโทซิน(oxytocin) หลั่งเมื่อได้ให้
3.เซโรโทนิน(serotonin) หลั่งเมื่อใจสงบ
4.เอ็นดอร์ฟิน(endorphine) หลั่งเมื่อใจร่าเริง
สารแห่งความสุขทั้ง 4 ตัวนี้ ที่มีอยู่ในร่างกายจะทำงานร่วมกันเสมอ สามารถอธิบายย่อๆได้ ดังนี้
1.โดพามีน(สารสำเร็จ 'เมื่อได้รับ') จะพรั่งพรูมาก เมื่อเราได้รับในสิ่งที่เราต้องการ
2.ออกซิโทซิน(สารสัมพันธ์ 'เมื่อได้ให้') จะพรั่งพรูออกมามาก เมื่อเรามีความรัก ความเมตตา กรุณา จะทำให้เรารู้สึกสบายใจ ปลอดภัย และอบอุ่น
3.เซโรโทนิน(สารสงบ 'เมื่อจิตสงบ') จะพรั่งพรูออกมามาก เมื่อเรารู้สึกสงบ สบาย ผ่อนคลาย
4.เอ็นดอร์ฟิน(สารสำราญ 'เมื่อใจร่าเริง เบิกบาน') จะพรั่งพรูออกมาทุกๆครั้ง ที่เรากำลังรู้สึกมีความสุข อารมณ์ดี ดังนั้น สารเอ็นดอร์ฟิน จะหลั่งออกมามากมายเป็นพิเศษ ตอนที่เรากำลังออกกำลังกาย หัวเราะ หรือยิ้ม และทำหน้าที่เป็นยาแก้ปวดจากธรรมชาติ
เราทุกคนจึงมีความสุขซุกซ่อนอยู่ตลอดเวลา แต่อยู่ที่ว่าเราจะ"รู้วิธี"สังเคราะห์ขึ้นมาได้หรือเปล่า...
ในการสังเคราะห์ความสุข คือ เริ่ม"ขอบคุณในสิ่งที่มี" และ "ยินดีในสิ่งที่ได้"
การลองมอง 2 ข้างทาง เพื่อเก็บเกี่ยวความสุข... ก็ไม่ได้แปลว่า เราจะต้องหยุดเดินเสียหน่อย จริงไหมครับ?
แต่ถ้าถามว่า ในโลกนี้จะมีใครสอน วิชา"สังเคราะห์ความสุข" อย่างจริงจังให้กับเราได้บ้าง ก็เห็นจะมีปรมาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านทรงเป็นผู้รู้ ที่รู้จักกันในนาม "พระพุทธเจ้า"
และหากเราอยากพบท่าน ก็ไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงอินเดีย หรือเสียเงินเสียทองซื้อเครื่องย้อนเวลา เพราะปรมาจารย์ท่านนี้ ท่านทรงตรัสสอนสาวกเอาไว้ประโยคหนึ่งว่า
"โย ธมฺมํ ปสฺสติ โส มํ ปสฺสติ"
(ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา)
Cr:new heart new world.