หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560

ชีวิตต้องสู้ ของคุณสู้


ชีวิตต้องสู้ ของคุณสู้    พงษ์เดช รักษาสกุล

สวนนันทวัน ปากคลอง16 ถนนรังสิต นครนายกชายพิการวัย 66 ปี ที่พิการจากถูกโจรยิงที่จังหวัดนราธิวาส ในปี 2517 กระสุนตัดกระดูกสันหลัง หมดความรู้สึกตั้งแต่สะดือลงไป ต้องอยู่บนรถเข็น มาตั้งแต่วัยเพียง 24 ปี หลังจากที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ทำงานที่กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง ที่นราธิวาส ได้เพียง 6 เดือน 

กว่า40 ปีที่รู้จักคุณสู้ เขาไม่เคยท้อ ไม่เคยสิ้นหวัง เพียงแต่เคยรำพึ่งออกมาสมัยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ในช่วงปี 2517 ว่า "ยังไม่รู้เลยว่าหากหมอให้ออกจากโรงพยาบาลแล้วจะไปอยู่ที่ไหน " เพราะสู้เป็นกำพร้า พ่อแม่เสียตั้งแต่เล็ก ต้องอาศัยอยู่กับปู่_ย่า ทำนาที่อยุธยา พอเรียนอยู่ที่เกษตรศาสตร์ ปู่ย่าก็เสีย 

เหมือนฟ้าลิขิตมีผู้พิพากษาศาลฎีกา ท่านชุ่ม สุนทรธัย และภริยาคุณ พัชรินทร์ รับเป็นบุตรบุญธรรม ในการดูแล หลังจากออกจากโรงพยาบาล คุณสู้เคยคิดจะฆ่าตัวตาย เพราะกายพิการ ใจก็รับสภาพไม่ได้ แต่ก็คิดได้ว่า คนอื่นเขายังอยากให้คุณสู้มีชีวิตอยู่ แล้วตัวเขาเองเล่าทำไมไม่อยู่ต่อไป จวบกับพ่อแม่บุญธรรมมีที่ดินที่รังสิต จึงย้ายมาอยู่และมีอาชีพทำพันธุ์ไม้ขาย ปัจจุบันสามารถเลี้ยงตัวเองและลูกน้อง12 คนได้ตอบแทนบุญคุณ ดูแลบิดาบุญธรรมจนวาระสุดท้าย

พบกับสู้เมื่อเดือนมีนาคม 2560 ถ่ายรูปคู่กันแล้วเห็นเลยว่าคุณสู้ สดใสกว่าผมมาก ใบหน้าไม่เห็นกังวลอะไร ถามว่าทำไม คุณสู้จึงสดใส เขาตอบว่าเห็นเพื่อนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมาเยี่ยมก็ดีใจชื่นชม 
ผมยิงคำถามว่ามีเป้าหมายอะไรกับอนาคต เขาตอบว่าอยู่ทำประโยชน์ให้สังคม เลี้ยงลูกน้องไว้ 12 คน ส่งลูกคนงานเรียนตามกำลังให้ทุนการศึกษาโรงเรียนใกล้ๆสวนเท่าที่ให้ได้ และที่สำคัญคืออยู่ศึกษาธรรมของพุทธเจ้า ทำให้คลายทุกข์ และรู้เท่าทันจิต ทำให้สงบ และมีสมาธิ เกิดปัญญา อดีตและร่างกายที่พิการแก้ไขไม่ได้ แต่จิตใจแก้ไขและพัฒนาได้ 

ชีวิตของคุณสู้ ให้บทเรียนแก่ผมหลายอย่าง และได้แลกเปลี่ยนข้อคิดกันหลายเรื่อง เขาเป็นคนมีจิตอาสา คุณสู้สมัยเป็นนิสิตเกษตรศาสตร์ ทำงานเก่ง ร่วมงานค่ายอาสาพัฒนา ของ มหาวิทยาลัย และของชมรมนิสิตนักศึกษาสัมนนา จนได้รับการคัดเลือกเป็นฮีโร่ของค่ายอาสา ทั้งสองแห่ง

คุณสู้ขอบคุณมหาวิทยาลัยกษตรศาสตร์ สมัยนั้นค่าหน่อยกิตเพียงหน่วยกิตละ 5 บาท ค่าหอพักปีละ 500 บาท ใครขัดสนมีคาเฟตทีเรียให้ทุน ข้าวฟรี 3มื้อ

มุมมองของสู้บอกว่าระยะนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี หลังจากน้ำท่วมปี 2554 จนถึงปัจจุบัน ต้นไม้เป็นของไม่จำเป็นนัก บางเดือนขายต้นไม้ ได้ไม่พอค่าแรงงาน ต้องเอาเงินออมออกมาจ่าย

คุณสู้ไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือคนรู้จัก ผมขออนุญาตประชาสัมพันธ์ครับ หากใครต้องการต้นสนประดับชนิดต่างๆ จำนวณมาก ติดต่อได้ที่เบอร์ โทร 081-838-2413

.....................................................
Cr. Line  อารี อยู่อ่อน


วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2560

๕๑ ปี นาวี ๐๙


ประมวลภาพงาน คืนสู่เหย้า ๕๑ ปี นาวี ๐๙
๒๕ มีนาคม ๒๕๖๐
.........






ขอขอบคุณเพื่อน นรจ.๐๙ ทุกท่าน
...............

วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560

ศาสนาที่แท้


     วัดป่าสุญญตาเป็นลักษณะของวัดเปิด มีพระภิกษุสามเณรตลอดถึงสาธุุชนทั่วไป มักแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนบ่อยๆ โดยเฉพาะผู้ต้องการความเงียบสงัด ต้องการความร่มรื่นของป่าไม้ภูเขา
   วันหนึ่งมีอุบาสกเป็นหมออยู่ประเทศอเมริกาเดินทางมาเยี่ยมและพักคืนหนึ่ง ในเวลาเย็นคุณหมอได้มาพบหลวงพ่อ
    หลังจากสนทนากันเรื่องนั้นเรื่องนี้คุณหมอได้ปรารภถึงศาสนา ในประโยคสุดท้ายได้กล่าวว่า
     "ศาสนาทำให้สังคมแตกแยก การนับถือศาสนาต่างกันเป็นสาเหตุให้เกิดการทะเลาะเข่นฆ่ากัน ในโลกนี้ถ้าไม่มีศาสนาหรือมีเพียงศาสนาเดียวน่าจะดีกว่า"
     หลวงพ่อเมื่อได้ฟังดังนั้น จึงพูดขึ้นว่า
     "ถ้าหลักคำสอนของศาสดาและการปฏิบัติที่ทำให้เกิดความแตกแยก เกิดความเกลียดชังกัน ไม่จัดเป็นศาสนา แต่ถ้าคำสอนของศาสดาและหลักปฏิบัติเป็นความรักสากล จึงจะชื่อว่าเป็นศาสนา"
......................
จากหนังสือ นิทานพุทธะ  พระคัมภีรญาณ อภิปุญโญ

วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2560

..ของฝากจากยาย..


   ...สัตหีบ...๒๙ มีนาคม ๒๕๖๐..เวลาประมาณ ๑๑ นาฬิกา..
......
   "กระบอกละเท่าไหร่ยาย?"
   "กระบอกละ ๒๐ บาท มัดละ ๒๐๐ .."
   "มีสีดำ กะ สีขาว นะ"
   "ไม่ต้องซื้อยกมัดก็ได้ เลือกคละกันไปสีขาวสีดำก็ได้"
......
     ทุกครั้งที่ขับรถบนถนนสุขุมวิท ช่วงบ้านเตาถ่าน - สี่แยกเจ ช่วงเวลา สิบโมงถึงเที่ยงวัน ผมมักจะมองหาคุณยายที่เข็นรถขายข้าวหลามเสมอ.....
     ผมเจอคุณยายครั้งแรก เมื่อ ๖ มกราคม ๕๘...
     แล้วผมก็ไม่มีโอกาสเจอคุณยายอีกเลย อาจจะเป็นเพราะจังหวะเวลาที่ผมขับรถไปแถวนั้นไม่ตรงกับคุณยายที่กำลังเข็นรถอยู่ริมถนนก็ได้
     ก็คงมีคำถามในใจเสมอว่า คุณยายยังอยู่สบายดีหรือเปล่า ในขณะที่ขับรถอยู่ในช่วงถนนบ้านเตาถ่าน - สี่แยกเจ
........

....๒๙ มีนาคม ๒๕๖๐..เวลาประมาณ ๑๑ นาฬิกา.....
       ผมขับรถจะกลับกรุงเทพ ผ่านมาแถวนั้นอีก และอยู่ในช่วงเวลาที่คุณยายเคยบอกไว้พอดี  ผมมองหาคุณยายอีกเช่นเคย
       ...โชคดีอีกครั้ง ผมเจอคุณยาย เหมือนครั้งเมื่อ ๒ ปีที่แล้ว...
       ... คุณยายยังเข็นรถขายข้าวหลามเหมือนเดิม...
                ฯลฯ
       "กระบอกละ ๒๐ บาท ไม่ต้องยกมัดก็ได้ ถ้ายกมัดๆละ ๒๐๐.-บาท มีแบบขาวและดำ..."
       "ก็ขายหมดทุกวันแหละ บางทีก็หมดเร็ว ยังเดินไม่ถึงแยกเจ ก็หมดแล้ว...อย่างไรก็ตามขายหมดทุกวันแหละ"
       "รับเขามาขายนะ วันละ ๑๐ มัด"
                ฯลฯ
         ผมอุดหนุนคุณยายมาหนึ่งมัด..
         ...ข้าวหลามคุณยายเป็นอาหารมื้อกลางวันของผมวันนี้...
         ...ดีใจที่ได้พบคุณยายอีกครั้ง...
         ...ข้าวหลามคุณยายอร่อยมากเลย...
         ขอบคุณมากครับ ของฝากจากคุณยาย
....................

     
     
   




โลกุตรจิต


      รูปฌานสี่ อรูปฌานสี่เป็นภาวะจิตที่อยู่ระดับโลกิยะ เป็นสิ่งที่มีมาก่อนพุทธกาล ส่วนโสดาบันจนถึงอรหันต์เป็นภาวะจิตอยู่ระดับโลกุตระ เป็นธรรมชาติที่พระพุทธเจ้าค้นพบด้วยพระองค์เอง
    มีพระอาคันตุกะรูปหนึ่ง ขอบเข้าฌาน จิตก็ได้ความสงบ(สมถะ) แต่พอออกจากฌานก็ปรุงแต่งเหมือนเดิม เมื่อท่านเห็นว่าการฝึกจิตไม่ก้าวหน้า จึงเรียนถามหลวงพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า:-
    "กระผมเคยฟังหลวงพ่อเทศน์วันก่อนว่า ผู้ที่ติดในฌานจะไม่เห็นแจ้งพระนิพพาน เพราะถูกอัตตาของรูปนามปิดบัง  ฉะนั้นให้ทำอย่างไร จึงจะเห็นแจ้งพระนิพพานครับ?"
     หลวงพ่อจึงพูดให้ฟังว่า:-
    "ต้องมองให้เห็นว่า รูปนามไม่มี"
................
(จากหนังสือนิทานพุทธะ พระคัมภีรญาณ อภิปุญโญ)