หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ผู้รับผลกรรม..ใจ!!


ผู้รับผลกรรม
พูดตามข้อเท็จจริงแล้ว
เราคือธาตุสี่
ดิน น้ำ ไฟ ลม ผสมกัน
เป็นก้อนขึ้นมาแล้ว
แตกสลายดับไปเท่านั้น
ไม่มีสาระอะไรเลย
ใจเป็นผู้มาครอบครองรูปอันนี้
จึงทำให้เคลื่อนไหวได้
เมื่อก้อนอันนี้แตกดับไปแล้ว
ใจก็ไม่สามารถจะใช้ก้อนอันนี้ได้
กรรมคือสิ่งที่ใจ ใช้ให้ก้อนอันนี้
กระทำทั้งดีและชั่ว นั้น
เมื่อก้อนอันนี้แตกดับแล้ว
ใจย่อมรับผลกรรมนั้นแต่ผู้ดียว
.........
มรดกธรรม
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี


วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559

พุทธพจน์...พุทธวจน...


ฯลฯ
  .......คุณจะเอาพุทธวจนแท้ๆ คุณต้องอ่านบาลี พูดบาลี สวดบาลี นึกเป็นภาษาบาลี คิดเป็นภาษาบาลี....ห้ามเป็นภาษาไทยเด็ดขาด........ถ้าคุณจะเอาพุทธวจนแท้ๆ...
  .......ในสมัยพุทธกาล มีภิกษุรูปหนึ่ง ไปแสดงพุทธวจนผิดๆ ...ตายจากชาตินั้นแล้วไปเกิดเป็นปลาปากเป็ด...ชาวประมงไปตกปลาได้ปลามาตัวหนึ่งสีทองสวยงาม พอมันอ้าปากกลิ่นเหม็นคลุ้งเลย...นี่คือผลที่แสดงพุทธวจนแบบผิดๆ...ผู้เที่ยวไปปฏิเสทว่าพุทธวจนอันนี้ใช่อันนี้ไม่ใช่...นั้นเสียหายมาก...แล้วคุณจะได้รับอกุศลกรรม หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งว่า  ตัวเองตกนรกแล้ว  ยังนำคนอื่นให้ตกนรกตาม.....
.......ขอให้เข้ามาศึกษาเสียก่อนอย่าไปเที่ยวว่าสถาบันโน้นสอนไม่ใช่พุทธพจน์ สถาบันนี้สอนไม่ใช่พุทธพจน์ ...แล้วไปเอาพระไตรปิฎกฉบับแปล มาว่านี่คือพุทธพจน์  ....พระพุทธเจ้าไม่ได้พูดภาษาไทย....นี่เป็นประเด็นที่สำคัญมาก..ขอให้ทุกท่านจงสังวร  ระวังบุคคลผู้สอนศาสนา.....ฯลฯ

(จากยูทูป  https://www.youtube.com/watch?v=mPDgR_fwk4I)



................




วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ควรกลัวความเกิด


มนุษย์สัตว์ทั้งหลายกลัวความตาย
แต่ยินดีกับความเกิด
เมื่อเกิดแล้วไม่ตายไม่มี ต้องตายแน่ๆ
ผู้กลัวความตายจึงต้องชำระโมหะ อวิชชา
ที่หุ้มห่อจิต อันเป็นต้นเหตุให้หมดจด
จึงจะไม่เกิดไม่ตายอีก
ควรจะกลัวความเกิด
อย่าไปกลัวความตาย จึงจะถูก

**********
มรดกธรรม
หลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี


วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บุญที่แท้จริง...


บุญที่แท้จริงเป็นอย่างไร
......
พูดกันตามภาษาชาวบ้าน
บุญที่แท้จริงนั้น
ไม่เมา ไม่อาจจะเมา
......
ถ้าเมาได้
จะเกิดปัญหาจากการ"เมาบุญ"
บุญนั้นไม่ใช่บุญอันแท้จริง
......
บุญนั้นล้างบาป ล้างความเมาได้
จึงจะเป็นบุญที่แท้จริง
......
บุญที่แท้จริงไม่ต้องเสียเงิน
ไม่ต้องใช้เงินมาก
จนถึงกับพูดได้ว่า..นิพพาน..
เป็นของให้เปล่าๆ ไม่คิดสตางค์
......
บุญที่แท้จริงนั้น
จะไม่ทำให้เสียเศรษฐกิจของประเทศชาติ
........
ถ้าเสียเศรษฐกิจของใครแล้วไม่ใช่บุญ
ฯลฯ



*****************

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เรามาจากไหน..


....สองวันก่อน กัลยาณมิตร ส่งไลน์มาให้ ...ต้องขออนุโมทนา ท่านที่จัดทำ(ขออภัยที่ไม่ได้กล่าวนามท่าน ..เพราะไม่ทราบนามท่าน).. ..และขออนุญาตนำมาเผยแพร่เป็นธรรมทาน...ครับ.

********
คนเราเกิดมาด้วยความไม่รู้
หากไม่พบพระพุทธศาสนา
และไม่ได้ฟังธรรมะดีๆ
ของสัมมาสัมพุทธเจ้า
ก็จะไม่รู้ว่า
คนเราเกิดมาทำไม
เรามาจากไหน
ฯลฯ



*****************

ย่างไปทางนี้จะได้ไม่เสียเวลา (คลิก)

**********


วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2559

..จงใช้ชีวิตของตนเองอย่างเป็นอิสระ...


   ...จำไว้ว่า  เส้นทางของเราไม่ได้ทำให้พวกท่านทั้งหลาย จะละทิ้งโลกนี้ไป   เราไม่เชื่อในโชคชะตาที่ไม่พึ่งพากรรม...เราเชื่อในโชคชะตาที่มนุษย์นั้นเป็นผู้สร้างขึ้นมา และเขาจะต้องรับผลการกระทำของตัว... 


  ...พวกเราทำให้โลกที่เคารพ  เต็มไปด้วยความทุกข์  ทั้งโลกทรมานกับความเศร้าและเจ็บปวด...แต่ว่าโลกนี้ไม่ใช่ที่สำหรับความเจ็บปวดทรมาน  ที่นี่สามารถเป็นที่พักของสาวกพุทธะ  แต่การจะทำแบบนั้น  เราต้องปลุกความรู้ให้กับทุกคน และนั่นก็คือหน้าที่ของพวกท่านทั้งหลาย... 


 ...ความไม่รู้..สร้างความเจ็บปวด โศกเศร้าและมายา  ความโกรธ ความโลภ ความอวดดี ความถือดี ความริษยา คือผลพวงของความไม่รู้    มายาแสดงแต่เรื่องไม่ดีล่อหลอกเรา  แต่ชีวิตและความตายนั้นไม่ต่างกัน  เป็นสิ่งเดียวกัน  เราต้องล้างภาพมายาออก  เมื่อใดก็ตามที่ภาพมายาหายไป พวกเราจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปัจเจก โดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด...



...ศีล สมาธิ และปัญญา การใช้หนทางความดับทุกข์ หรือมรรค ๘ ช่วยให้กำจัดภาพมายาไปได้  เราขอย้ำกับพวกท่านว่า....ด้วยการรู้ชอบ  ด้วยการคิดชอบ  ด้วยการเจรจาชอบ  ด้วยการปฏิบัติชอบ  ด้วยการเลี้ยงชีพชอบ ด้วยการเพียรชอบ ด้วยการมีสติชอบ และด้วยการมีสมาธิชอบ...........
...คนที่นอนไม่หลับนั้น สำหรับเขากลางคืนย่อมยาวนาน..
...คนที่เหนื่อย สำหรับเขาจุดหมายย่อมอยู่ไกล..
...คนที่ใช้ชีวิตอย่างมืดบอดและไม่เข้าใจความดีงาม ชีวิตของเขาจะมีแต่ความทุกข์................
...ความรู้ใดก็ตาม ไม่ว่าจะอ่านจากตำราหรือถูกผู้มีปัญญาพร่ำสอนก็ตาม หรือแม้แต่สิ่งที่เราพูดให้ฟังก็ตาม จงอย่าเชื่ออะไรโดยง่าย   จนกว่าจะทดสอบด้วยความรู้ของตัวเอง และปัญญาของตัวเองเสียก่อน...............


...หากพวกท่านได้พบใคร บนเส้นทางตรัสรู้ อย่ายอมรับเขาอย่างง่ายดาย แม้พวกท่านจะพบพุทธะระหว่างทาง ก็จะถูกเขาลวงตาได้   ต่อให้ท่านพบพ่อตัวเองระหว่างทาง   ก็อย่าให้เขาเบี่ยงเบนท่านได้   จงใช้ชีวิตของตนอย่างเป็นอิสระ   อย่าได้ยึดติดกับผู้ใด.......................
************
(จาก  ยูทูป พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก )


วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2559

วัดเจ้าสัว


     วัดราชโอรสาราม ราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร เดิมชื่อวัด จอมทอง เป็นวัดโบราณสมัยกรุงสรีอยุธยา  ในสมัยรัชกาลที่ ๒ ได้รับพระราชทานนามใหม่เป็น วัดราชโอรส หมายถึงวัดที่พระราชโอรสทรงสถาปนาขึ้น 
     ด้วยเหตุที่รัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ในรัชการที่ ๒ ได้เป็นแม่ทัพคุมพลเสด็จไปสกัดกั้นทัพพม่าที่เมืองกาญจนบุรีโดยทางเรือ และเส้นทางเดินทัพในวันแรกได้เสด็จผ่าน คลองบางกอกใหญ่ (คลองบางหลวง) เข้าคลองด่าน เมื่อเสด็จถึงหน้าวัดจอมทองได้ทรงประกอบพิธีเบิกโขลงทวาร ตามตำราพิชัยสงคราม 
     เล่ากันว่า ท่านเจ้าอาวาสวัดจอมทองได้จับยามสามตาดูแล้ว ถวายคำพยากรณ์ว่าจะประสพผลสำเร็จและเสด็จกลับมาโดยสวัสดิภาพ  จึงทรงเลื่อมใสและประทานพรไว้ว่า หากเป็นเช่นนั้นจริงจะสร้างวัดถวายให้ใหม่  หลังจากเลิกทัพเสด็จกลับพระนครโดยปลอดภัยแล้ว จึงโปรดให้ปฏิสังขรณ์วัดนี้ขึ้นใหม่ทั้งวัดตามที่ทรงประทานพรไว้กับเจ้าอาวาส   และเนื่องจากพระองค์ทรงนิยมศิลปจีน รูปทรงสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมต่างๆ ในพระอารามนี้ จึงเป็นศิลปประยุกต์แบบไทยผสมจีน เรียกกันในสมัยนั้นว่า ศิลปะพระราชนิยม
        ศิลปกรรมในวัดนี้ล้วนประยุกต์สรรค์สร้างได้อย่างกลมกลืน งดงาม หาที่ติมิได้ เป็นลายกระแหนะรูปเสี้ยวกาง ที่บานประตูหน้าต่างพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ หลังคาแบบจีนของพระอุโบสถ พระวิหารพระพุทธไสยาสน์ตลอดถึงกุฏิ นับเป็นครั้งแรกที่มีการสร้างพระโบสถ์ วิหาร ที่ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ แต่ยังคงรูปสิ่งเหล่านั้นไว้เป็นสัญลักษณ์แห่งศาสนสถานได้อย่างสง่าและงดงาม






























พระแท่นที่ประทับ ร.๓ ข้างพระอุโบสถ








 








ขอบคุณที่เข้ามาชมครับ...